วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

โรคที่มากับสายฝน



โรคที่มากับสายฝน
นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ ศัลยแพทย์สมองและระบบประสาท และผู้เชี่ยวชาญกฎหมายการแพทย์

      อากาศระยะนี้ยังคงมีฝนตกอยู่ หลายคนอาจชอบเพราะนอนหลับสบาย แต่หลายคนคงต้องลำบากกับการไปทำงานท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา โดยเฉพาะคนที่ต้องพึ่งพารถสาธารณะ ซึ่งอาจจะถึงที่ทำงานหรือกลับบ้านในสภาพเปียกปอน อีกอย่างที่พึงระวังคือโรคภัยไข้เจ็บที่มาพร้อมกับสายฝน

โรคที่มากับอากาศ

      โรคที่มากับอากาศที่รู้จักกันดีก็คือ หวัด ทั้งในรูปแบบของหวัดธรรมดาหรือไข้หวัดใหญ่ แต่ถ้าจะให้ทันสมัยหน่อยก็ต้องไข้หวัดนก (avian flu) ซึ่งมีความรุนแรงขนาดทำให้คนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอกว่าปกติเสียชีวิตได้เหตุผลที่ทำให้คนเรามีอาการเป็นหวัดได้ง่ายเมื่อถูกฝน ก็เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศจากร้อนชื้นกลายมาเป็นอากาศเย็นอย่างรวดเร็ว ร่างกายจึงไม่สามารถปรับตัวตามอุณหภูมิที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงอ่อนแอลง หากเราหายใจเอาเชื้อโรค (เชื้อไวรัส) ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศเข้าไป ก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายกว่าในภาวะปกติ ดังนั้นหากเราเปียกฝนก็ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ท่ามกลางคนหมู่มาก หรือในบริเวณที่มีโอกาสได้รับเชื้อมากกว่าปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ๆ อากาศไม่มีการถ่ายเท เพราะหากมีคนไอหรือจาม โอกาสได้รับเชื้อและติดเชื้อก็จะเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าปกติ
แต่เราสามารถป้องกันโรคหวัดได้ด้วยการปฏิบัติตัวดังนี้

      1. หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็วและกะทันหัน
      2. หลีกเลี่ยงการอยู่ร่วมกับคนหมู่มาก โดยเฉพาะในบริเวณที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก
      3. หากต้องตากฝน ให้รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกออกโดยเร็ว และเช็ดตัวให้แห้ง แต่ต้องระมัดระวังอย่าให้อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลงจากเย็นเป็นร้อน เร็วเกินไป

     


โรคที่มากับอาหารและน้ำ
       โรคในกลุ่มนี้มักเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ติดต่อโดยการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค แต่ถ้ามีระบบสุขอนามัยพื้นฐานถูกต้องแล้วมักไม่ค่อยมีปัญหา ยกเว้นในกรณีที่เกิดภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วม ซึ่งทำให้สุขอนามัยพื้นฐานมีปัญหา และมีเชื้อโรคปนเปื้อนในอาหารตามมาได้ ที่พบได้บ่อยๆ คือ อหิวาตกโรค หรือที่เป็นข่าวดังก็คือลำไส้อักเสบรุนแรงจากเชื้ออีโคไล ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายปนมูกเลือดอย่างรุนแรง เสียน้ำมากจนอาจเกิดอาการช็อก หรือติดเชื้อในกระแสโลหิตได้
การป้องกันและหลีกเลี่ยงทำได้โดย
      1. ดื่มน้ำสะอาดที่ต้มสุกหรือผ่านการกรองอย่างถูกต้อง
      2. ล้างมือให้สะอาดก่อนใช้มือรับประทานอาหาร หรือปรุงอาหาร
      3. หลีกเลี่ยงการซักเสื้อผ้าหรือล้างจานชามในแหล่งน้ำที่มีการปนเปื้อน หรือแหล่งน้ำสาธารณะที่ไม่แน่ใจในความสะอาด
      4. ทำความสะอาดของเล่นหรือสิ่งของที่ใช้งานบ่อยๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ โดยเฉพาะของเล่นที่เด็กต้องใช้ร่วมกัน เช่น ในสวนสาธารณะ ในโรงเรียน เป็นต้น
      5. เก็บอาหารและภาชนะให้ห่างจากสัตว์นำเชื้อโรค เช่น แมลงวัน หนู

   

โรคติดต่อที่มากับแมลง


      โรคติดต่อที่มากับแมลงที่มีการระบาดมากที่สุดในหน้าฝนคือโรคติดต่อที่มียุงเป็นพาหะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคไข้เลือดออกที่อาจทำให้ผู้ป่วยเด็กถึงแก่ชีวิตได้ โดยการป้องกันนับเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการควบคุมโรคไข้เลือดออก ซึ่งองค์การอนามัยโลกให้คำแนะนำไว้ดังนี้       1.อย่าปล่อยให้บริเวณบ้านมีน้ำขัง รวมทั้งในแจกันดอกไม้ อ่างน้ำ ขวดเปล่า เพราะน้ำนิ่งๆ จะเป็นที่ซึ่งยุงชอบมาวางไข่ไว้ ทำให้บ้านพักอาศัยของเรากลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงที่มากัดคนในบ้านเอง โดยตำแหน่งที่คนนึกไม่ถึงและอาจเป็นที่เพาะพันธุ์ยุงได้ก็คือ หลังคาหรือระเบียงบ้านที่มีน้ำขังและคนในบ้านไม่เคยสำรวจ
      2.ติดตาข่ายหรือมุ้งลวด กันยุงบริเวณประตูหน้าต่าง
      3.หากต้องอยู่ในที่ๆ มียุงมากๆ เช่น ที่มืด มีน้ำขัง ให้สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว
      4.หากมีผู้ป่วยไข้เลือดออกในบ้าน ให้แยกผู้ป่วยออกจากคนรอบข้าง และป้องกันมิให้ยุงมากัดผู้ป่วย เพราะเชื้อโรคจะอาศัยยุงเป็นตัวแพร่เชื้อ เมื่อยุงไปกัดคนอื่นๆ ในบ้านต่อ
      5.หากคนในบ้านมีอาการคล้ายหวัด หรือเป็นไข้โดยไม่ทราบสาเหตุแน่นอนเกิน 2-3 วัน ร่วมกับมีผื่นหรือจุดเลือดออกเล็กๆ ตามลำตัว ให้สงสัยว่าจะเป็นไข้เลือดออกเสมอ
      6.หากไม่แน่ใจว่าป่วยเป็นไข้เลือดออกหรือไม่ ให้ไปพบแพทย์โดยเร็วโดยช่วงอันตรายที่สุดของไข้เลือดออกคือช่วงที่ไข้ลง เพราะจะเป็นช่วงที่มีอาการแทรกซ้อนเกี่ยวกับภาวะเลือดออกผิดปกติ และอาจทำให้ผู้ป่วยช็อกได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยเด็ก หรือคนที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ เช่น คนชรา


โรคผิวหนัง
      ปกติแล้วผิวหนังมีหน้าที่หลักในการป้องกันเชื้อโรคมิให้ผ่านเข้าสู่ร่างกายได้โดยง่าย แต่ในขณะเดียวกันผิวหนังเองก็เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคแหล่งหนึ่ง โดยเฉพาะในบริเวณที่มีความอับชื้นหรือเป็นซอกหลืบ เช่น เล็บ เมื่อผิวหนังต้องแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานานๆ จะทำให้เชื้อโรคสามารถแทรกซึมผ่านผิวหนังได้โดยง่าย และอาจเกิดปัญหาเชื้อราตามมา การป้องกันทำได้โดยไม่ปล่อยให้ผิวหนังเปียกชื้นเป็นเวลานานๆ ติดต่อกัน โดยเฉพาะบริเวณง่ามเล็บเท้า ขาหนีบ ข้อพับต่างๆ เมื่อต้องลุยน้ำเป็นเวลานานๆ ให้รีบล้างทำความสะอาดเท้าและเช็ดให้แห้งโดยเร็ว


โรคที่เกี่ยวกับหนังศีรษะ
      หนังศีรษะจัดเป็นผิวหนังแบบหนึ่ง จึงสามารถเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคได้ไม่ต่างกับผิวหนังทั่วไป แต่การอักเสบของหนังศีรษะจะยุ่งยากกว่าบริเวณอื่นของผิวหนัง เพราะที่หนังศีรษะจะมีรากผมอยู่ด้วย คนที่ป่วยด้วยโรคผิวหนังบริเวณหนังศีรษะจึงมักมีปัญหาผมร่วงเนื่องจากรากผมถูกทำลายโดยรังแคของหนังศีรษะมักเกิดจากการติดเชื้อราที่หนังศีรษะ ทำให้มีอาการคันและผมร่วงผิดปกติ การสระผมด้วยแชมพูชนิดพิเศษร่วมกับไม่ปล่อยให้ผมเปียกแฉะอยู่เป็นเวลานาน จะช่วยลดอาการคันจากรังแคของหนังศีรษะได้ และหากต้องสระผมบ่อยๆ ควรเลือกใช้แชมพูอ่อนๆ ที่ไม่ระคายเคืองหนังศีรษะมากเกินไป


โรคภูมิแพ้
      โรคภูมิแพ้พบได้บ่อยขึ้นในช่วงหน้าฝนรวมทั้งหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึง เพราะอากาศที่เย็นชื้นจะกระตุ้นให้มีอาการมากกว่าปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก ซึ่งมักจะพบปัญหานี้ได้บ่อย และหากไม่ได้รักษาให้หายดี ปล่อยให้เป็นเรื้อรัง จะทำให้กลายเป็นไซนัสอักเสบ หอบหืด ตามมาในที่สุด


รู้อย่างนี้แล้วต้องรับมือกับสายฝนกันให้ดี

ขอบคุณที่มา : healthtoday.net



credit : teenee.com

“เครื่องสำอาง”ตัวไหนจำเป็นต้องใช้


เครื่องสำอางผลิตออกมาหลากหลายชนิด แต่สภาพและปัญหาผิวแต่ละคนแตกต่างกัน จึงต้องเลือกใช้เครื่องสำอางที่ตรงกับปัญหาเพื่อแก้ให้ถูกจุด

“ไพรเมอร์” 
ประกอบด้วยซิลิโคนและโพลีเมอร์ ส่วนใหญ่จะผสมขี้ผึ้งที่ทำให้ติดทนนาน เพื่อช่วยปกปิดผิวให้เรียบเนียน เช่น บริเวณร่องริมฝีปาก  เปลือกตา หรือส่วนอื่นๆ บนใบหน้า ผู้ที่จำเป็นต้องใช้ไพรเมอร์ คือผู้ที่มีริ้วรอยที่ต้องการปกปิดบริเวณส่วนต่างๆ ของใบหน้า โดยไพรเมอร์จะเข้าไปเติมร่องริ้วรอยทำให้แต่งหน้าออกมาสวยและติดทน แต่ถ้าผิวไม่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยก็ไม่จำเป็นต้องใช้ หรือหากผิวแพ้ง่าย เป็นโรคผิวหนังก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้ไพรเมอร์

ส่วน “โทนเนอร์ที่จะช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกินและทำให้รูขุมขนกระชับ เหมาะสำหรับคนที่ผิวมันมากๆ และไม่ได้ควบคุมความมันบนใบหน้าด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีส่วนผสมของกรดซาลิซิลิกหรือโลชั่นดูดซับความมัน ซึ่งบางคนอาจเคยได้ยินมาว่าโทนเนอร์ทำให้ผิวดูดซึมสารบำรุงอื่นๆ ได้ดีขึ้น ซึ่งไม่เป็นความจริง

หากมีผิวธรรมดา ผิวแห้งหรือผิวบอบบางก็ควรข้ามขั้นตอนการใช้โทนเนอร์ เพราะโทนเนอร์จะยิ่งทำให้ผิวแห้งมากขึ้น เป็นสาเหตุให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ ซึ่งเป็นกระบวนการป้องกันการสูญเสียน้ำในผิว จึงอาจทำให้หน้ามันมากกว่าตอนที่ยังไม่ได้ใช้โทนเนอร์ด้วยซ้ำไป

สำหรับ “อายครีม” ผู้ผลิตส่วนใหญ่จะระบุบนฉลากว่าทำให้ผิวรอบดวงตาไร้ริ้วรอย ช่วยลดอาการบวมและทำให้รอบดวงตาหายจากอาการดำคล้ำด้วยคอลลาเจนหรือคาเฟอีน ที่จริงผู้ที่มีผิวใต้ดวงตาบอบบางและมีริ้วรอย ใช้แค่มอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับใบหน้าทารอบๆ ดวงตาก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้ารอบดวงตามีอาการบวมแดงหรือไหม้แดดให้ใช้อายครีม เพราะจะอ่อนโยนต่อผิวมากกว่าครีมบำรุงผิวทั่วไป เนื่องจากมีสารบำรุงที่เข้าไปแก้ปัญหารอบดวงตาได้อย่างตรงจุดและปราศจากน้ำหอมที่ทำให้ผิวระคายเคือง

ถ้าผิวรอบดวงตาบวมแดง ให้เลือกอายครีมแบบเจลที่มีส่วนผสมของคาโมไมล์หรือคาเฟอีน ซึ่งจะทำให้ผิวขับน้ำออกมา แต่หากต้องการให้ผิวรอบดวงตาไร้ริ้วรอยให้เลือกอายครีมที่มีส่วนผสมของโอลิโกเปปไทด์ (กรดอะมิโน)และเรตินอลหรือวิตามินซี แต่หากยังไม่มีปัญหาริ้วรอยรอบดวงตาและใช้ครีมบำรุงผิวอยู่เป็นประจำก็ไม่จำเป็นต้องใช้อายครีม

ปิดท้ายด้วย“ไนท์ครีม”ที่ส่วนใหญ่มักจะประกอบด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์เข้มข้น บางชนิดอาจผสมน้ำมัน เปปไทด์และเรตินอล ซึ่งระบุว่าเป็นตัวที่ช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวที่เสียหายจากแสงแดด เหมาะสำหรับผิวแห้งและผิวผู้ใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าหนาว หรือผิวที่ถูกแสงแดดทำลาย มีริ้วรอยหรือระคายเคือง

การใช้ไนท์ครีมที่มีส่วนผสมของสารต่างๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาผิวเฉพาะด้านก็เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม แต่ระวังอย่าใช้ไนท์ครีมในช่วงกลางวัน เพราะการได้รับสารบำรุงที่เข้มข้นมากเกินไปอาจระคายเคืองผิว แต่หากผิวมัน ควรใช้โลชั่นบำรุงผิวแบบออยล์ฟรีที่ไม่ผสมสารกันแดดแทนไนท์ครีม

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์


credit : teenee.com

ไข่ดิบบำรุงร่างกายจริงหรือ?



ใครนิยมรับประทานไข่ดิบหรือไข่ลวกเพื่อบำรุงร่างกาย วันนี้มีข้อเท็จจริงบางอย่างที่อาจทำให้หยุดคิดว่าผลของการกระทำเช่นนั้น เป็นเรื่องจริงทางวิทยาศาสตร์หรือ ?
             ไข่เป็นของคู่ครัวคนไทยและจัดเป็นอาหารที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง มีทั้งโปรตีน ไขมัน วิตามินเอ ธาตุเหล็ก สังกะสี แต่การที่จะกินไข่ให้ได้ประโยชน์ต้องรู้จักกิน เพราะในไข่ขาวที่ไม่สุกหรือสุกๆ ดิบๆ จะมีสารที่ชื่อว่า อะวิดิน (avidin) สารตัวนี้จะไปจับวิตามินไบโอติน (biotin) ซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่ง ทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการขาดไบโอตินได้ นอกจากนี้การกินไข่ดิบหรือไข่ขาวสุกๆ ดิบๆ อาจทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย คือย่อยยากทำให้กระเพาะอาหารต้องทำงานหนัก ความเชื่อที่ว่ากินไข่ดิบหรือไข่ลวกสุกๆ ดิบๆ เป็นประจำจะทำให้ร่างกายแข็งแรง มีกำลังวังชานั้น คงต้องเลิกเชื่อกันได้แล้ว


ที่มา : newsplus.co.th



credit : teenee.com

เตือน! เด็กยุคไอแพดเสี่ยงปัญหาสุขภาพ



ผู้ใหญ่ในโลกยุคไฮเทค อาจจะไม่สามารถส่งข้อความพร้อมกับดูทีวีไปพร้อมๆ กันได้ แต่สำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่โตขึ้นมาในยุคนี้ สามารถใช้เครื่องมือไฮเทคสองสามอย่างพร้อมกันได้อย่างง่ายดาย        นักวิจัยกล่าวว่า เด็กวัย 10-11 ขวบทุกวันนี้มักจ้องจอภาพหลายๆ จอพร้อมกัน เช่น ดูทีวีไปพร้อมกับใช้ไอแพด สมาร์ทโฟน หรือกดเกมกดไปพร้อมกันได้ แม้ความสามารถนี้จะดูมีประโยชน์ แต่นักวิจัยเตือนว่าพฤติกรรมนี้ทำให้วัยรุ่นเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน และอาจมีปัญหาสุขภาพจิตได้ ยิ่งยุคนี้ที่เราสามารถเลือกดูทีวีรายการที่ต้องการเมื่อไหร่ก็ได้ผ่านอิน เทอร์เน็ต เล่มเกมคอมพิวเตอร์ผ่านโน้ตบุ๊ก ใช้มือถือแชทกับเพื่อนผ่านเฟซบุ๊ก หรือจะทำทุกอย่างพร้อมกันก็ยังได้

งานวิจัยศึกษาตัวอย่างเด็กวัย 10-11 ขวบ 63 คน พบว่า เด็กยุคนี้ชอบดูจอภาพมากกว่า 1 จอในเวลาเดียวกัน เช่น ใช้มือถือหรือเครื่องใช้ไฮเทคอีกชิ้นหาข้อมูลในระหว่างช่วงโฆษณาทางทีวี และมักแชทกับเพื่อนขณะรอเกมคอมพิวเตอร์เริ่มเกม ส่วนทีวีกลายเป็นอุปกรณ์ให้ความบันเทิงฉากหลังแทน ในขณะที่วัยรุ่นมักทำอย่างอื่นไปพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะหากต้องดูรายการโทรทัศน์น่าเบื่อเพราะพ่อแม่เลือกที่จะดู

ดร.รัส จาโก จากมหาวิทยาลัยบริสตอล กล่าวว่า เราสามารถดูทีวีผ่านคอมพิวเตอร์ ใช้เกมกดต่ออินเทอร์เน็ต สมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตฟังเพลง และเครื่องแล็ปท็อปสามารถทำได้ทุกอย่างข้างต้น ในขณะที่โครงการรณรงค์เพื่อสุขภาพยังรณรงค์แค่ลดการดูโทรทัศน์

เขากล่าวว่า 
เด็กยุคนี้สามารถเข้าถึงสื่อที่แตกต่างกันผ่านอุปกรณ์อย่างต่ำ 5 เครื่องต่อคนโดยเฉลี่ย และอุปกรณ์ส่วนใหญ่สามารถพกพาได้ หมายความว่าเด็กสามารถนำเอาอุปกรณ์เหล่านี้เข้าห้องนอนหรือห้องนั่งเล่น แล้วแต่อารมณ์และความต้องการบรรยากาศส่วนตัวของเด็ก
เขาชี้ว่านั่นหมายความว่า ครอบครัวจำเป็นต้องให้ความสำคัญและความร่วมมือกัน เพื่อลดการใช้เวลาไปกับการจ้องจอภาพหลายๆ จอของวัยรุ่นลง ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ไหนก็ตาม




ที่มา วิชาการดอทคอม





credit : teenee.com

ร้านไก่ทอดโอบามาที่ปักกิ่ง



นักธุรกิจจีน ปิ๊งไอเดียนำรูปประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐฯ มาเป็นโลโก้ร้านไก่ทอด เลียนแบบเคเอฟซี
ร้านไก่ทอดนี้มีชื่อว่า โอบามา ฟราย ชิกเก้น อยู่ที่กรุงปักกิ่ง โดยมีการเลียนแบบเคเอฟซีทุกอย่าง ทั้งหลังคาผ้าใบสีแดง ตัวอักษรและโลโก้ที่เป็นตัวการ์ตูนโอบามา แต่งตัวคล้ายผู้พันแซนเดอร์ส ของเคเอฟซี พร้อมด้วยสโลแกนภาษาจีนว่า 
"We're so cool, aren't we?"
หนังสือพิมพ์ Daily Mail ของอังกฤษ
 สันนิษฐานว่า ร้านไก่ทอดดังกล่าว อาจจะเป็นการตอบโต้สหรัฐฯ ที่ยื่นคำร้องต่อองค์การการค้าโลก หรือ WTO ต่อกรณีที่จีนเรียกเก็บภาษีนำเข้าเนื้อไก่จากสหรัฐฯในระดับสูง 50-100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผู้นำเข้าในจีนต้องจ่ายเงินแพงขึ้นถึง 2 เท่าตัว ส่งผลให้ยอดขายหดหายเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ สร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมผลิตเนื้อไก่ของสหรัฐฯ ที่มีการจ้างงานประมาณ 300,000 คน

ร้านไก่ทอดโอบามาเปิดตัว หลังจากเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เคเอฟซี สาขาฮ่องกง จ้างคนหน้าเหมือนโอบามา มาแสดงโฆษณาเบอร์เกอร์ให้กับทางร้าน




ขอบคุณ  ครอบครัวข่าว 3







credit : teenee.com

หยุดปัญหาสิวหัวดำ



วิธีกำจัดสิวหัวดำให้หมดไป คืนความสดใสให้ใบหน้าและความมั่นใจกับมา ด้วยเคล็ดลับดีดีเหล่านี้คะ
     ใช้มาส์กชนิดขัดลอกผิวอย่างอ่อนโยนเป็นประจำทุกวัน
 เพื่อขจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกไป จะได้ไม่ทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตันขึ้นมา

     อย่าพยายามบีบเค้นสิวหัวดำด้วยตัวเองเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาได้ พึ่งบริการจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจะดีกว่า

     พยายามหลีกเลี่ยงการแตะต้องผิวหน้า เพื่อป้องกันการอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย

     อย่าลืมใช้ครีมรองพื้นและคอนซีลเลอร์ชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดสิว และไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพื่อป้องกันไม่ให้รูขุมขนเกิดการอุดตัน ถ้าคุณจำเป็นต้องใช้ก็เลือกแบบที่เป็นมิเนอรัลจะดีกว่า




ที่มา ... Lisa







credit : teenee.com

โกนขนให้ถูกวิธี



นี่คือวิธีการโกนขนอย่างถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้คุณมีผิวเกลี้ยงเกลาแบบไร้ปัญหา


           คุณต้องแน่ใจว่าใบมีดโกนที่ใช้นั้นคมและสะอาด เพื่อที่คุณจะได้ลากใบมีดโกนผ่านผิวหนังได้น้อยลง (ผิวก็จะเกิดอาการระคายเคืองน้องลงตามไปด้วย เลือกมีโกนแบบที่มีใบมีดหลายๆใบก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดี เพราะจะได้ไม่ต้องลากใบมีดโกนซ้ำไปซ้ำมาบ่อยๆ

           เลือกใช้เจลโกนขนแบบโปร่งแสง ซึ่งจะช่วยให้คุณมองเห็นสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่อย่างชัดเจน
          
           วิธีลดอาการระคายเคืองบนผิวอีกวิธีหนึ่ง คือการโกนขนในทิศทางเดียวกับที่เส้นขนงอกขึ้นมา และถ้าจะให้ดีก็ควรโกนขนหลังอาบน้ำ เพื่อให้ไอร้อนช่วยให้เส้นขนและผิวนุ่มขึ้น

ที่มา : Lisaguru



credit : teenee.com

ทำไงดี..หน้าตกกระ

Q : เป็นคนผิวหน้าขาวแต่ตกกระเยอะมาก เคยใช้ครีมบำรุงผิวชนิดธรรมดาสีกระจะเข้มขึ้น จึงเปลี่ยนมาใช้ครีมประเภท Whitening สีกระจางลง แต่หน้าจะขาวหลอก ควรใช้ครีมชนิดไหนดี จะใช้แบบแต้มลบรอยหรือลบจุดด่างดำดีไหมคะ แล้วจะมีวิธีการดูแลผิวหน้าที่ตกกระมาก ๆ อย่างไรดี

       
 A : "กระ" เป็นภาวะที่ผิวมีการสร้างเม็ดสี melanin มากขึ้น จึงทำให้มองเห็นเป็นจุดสีน้ำตาลบริเวณที่เป็น โดยจะพบได้บ่อยในบริเวณที่สัมผัสแสงแดด เช่น โหนกแก้ม จมูก
        สาเหตุอาจ
เกิดจากกรรมพันธุ์ และการสัมผัสแสงแดดบ่อย ๆ ดังนั้นจะสังเกตได้ว่า บางคนกระจะสีเข้มขึ้นในฤดูร้อนและจางลงในฤดูหนาวค่ะ
        การรักษา กระนั้นสามารถทำได้โดยการใช้เทคโนโลยี Pigmented Laser (Q switched, Ruby laser)IPL(Intense pulse light) ซึ่งช่วยทำให้กระจางลง ผิวหน้าดูดีขึ้นแต่ไม่ได้ทำให้หายขาดค่ะ

         การใช้ครีมกลุ่ม Whithening หรือครีมลดรอยดำที่มีขายตามท้องตลาด และมี อย.รับรองนั้น สามารถช่วยทำให้กระจางลงได้ แต่อาจจะใช้เวลาในการรักษาหลายเดือน จึงเป็นไปได้ว่า จะเกิดปัญหาหน้าขาวขึ้นโดยที่กระยังไม่จางอย่างชัดเจน ดังนั้นหากทาเป็นเวลานาน ควรทาเฉพาะบริเวณกระจะดีกว่า

         ส่วน Bleaching Agent เป็นครีมกลุ่มควบคุม ไม่สามารถซื้อใช้เองได้ ต้องปรึกษาแพทย์ค่ะ เนื่องจากครีมบางชนิดมีส่วนผสมที่ไม่ปลอดภัย อาจเกิดผลข้างเคียงได้หากใช้เป็นเวลานาน

    ที่สำคัญคุณควรดูแลผิวที่มีกระนี้ด้วยการ
             1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง โดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00 -15.00 น.

             2. ป้องกันแสงแดดโดยใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 เป็นประจำ

             3. ใส่หมวกปีกกว้าง (อย่างน้อย 6 นิ้ว) เพื่อคลุมผิวบริเวณหน้าได้หมด

             4. หลีกเลี่ยงแสงสะท้อนจากแดด เช่น สะท้อนจากทราย หิมะ น้ำ


         เรื่องกระนี้ เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการดูแล อาจจะไม่ได้เห็นผลทันใจ แต่ต้องมีความอดทน และดูแลอย่างสม่ำเสมอค่ะ





ที่มา ... MomyPedia





credit : teenee.com