วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

อดนอนกวนสมอง มีส่วนทำให้เกิดเป็นโรคสมองเสื่อมขึ้นได้



นักวิจัยโรงพยาบาลบาร์เนสยิว พบว่า การอดนอนอาจจะมีส่วนทำให้เป็นโรคสมองเสื่อมได้ ส่อว่าอาจจะใช้ยาที่เข้าโอเรกซิน รักษาผู้ป่วยสมองเสื่อมให้ทุเลา...

นักวิจัยโรงพยาบาลบาร์เนสยิว ที่นครเซนต์หลุยส์ ของสหรัฐฯ สงสัยว่าการอดนอนอาจจะมีส่วนทำให้เป็นโรคสมองเสื่อมได้ เพราะได้เห็นในการทดลองกับหนู ซึ่งโดนถูกตัดแต่งหน่วยพันธุกรรม เพื่อให้เป็นโรคนี้ พวกเขาได้พบว่าเมื่อมันตื่นระดับโปรตีนอมัยลอยด์ในสมองจะสูงขึ้น และจะค่อยลดต่ำลงเมื่อหลับ ครั้นพอโดนถูกกวน ไม่ให้หลับได้อาการของมันจะยิ่งทรุดหนักลง

ดร.เดวิด โฮลซ์แมน หัวหน้าคณะกล่าวว่า "เมื่อมันอดนอน โปรตีนอมัยลอยด์จะก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนสังเกตได้"

เมื่อคณะนักวิจัยฉีดยาโอเรกซินอันเป็นสารควบคุมการนอนเข้าที่สมองมันจะตื่นนานขึ้น และระดับโปรตีนก็จะสูงขึ้นไปด้วย ในคนเราสารโอเรกซินจะมีบทบาทอย่างมากในผู้ป่วยโรคง่วงหลับ

ตัวหมอเดวิดได้ให้ความเห็นว่า การค้นพบส่อว่าอาจจะใช้ยาที่เข้าโอเรกซินในการบำบัดรักษาผู้ป่วยสมองเสื่อมให้ทุเลาได้.
บทความจาก fwmail



credit : teenee.com

เทคนิคอ่านหนังสือให้จำได้




แนะนำวิธีการอ่านหนังสือประเภทต้องใช้ความจำเยอะ ฉบับสั้นๆ ให้เพื่อนๆ ลองนำไปใช้ดูค่ะ


1.สิ่งที่แรกคือ จดจ่ออยู่กับหนังสือ ไม่วอกแวก
2.เริ่มอ่าน...
3.พยามสรุปให้ได้ว่า แต่ละย่อหน้านั้นที่อ่านมามีอะไรบ้าง ประมาณว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร(สูตรนี้เอามาจากอาจารย์)
4.แต่ละหัวข้อนั้นๆ อันไหนสำคัญใช้ปากกาเน้นขีดไว้ (ประมาณว่าเก็งข้อสอบ)
5.พออ่านแล้วใช้ปากกาเน้นขีดเนื้อหาที่สำคัญของหัวข้อนั้นๆ หมดทุกเรื่อง เมื่อใกล้สอบให้กลับมาอ่านข้อความที่เน้นไว้ทุกข้อความ
6.ถ้าว่างจนไม่มีอะไรทำ ให้คิดทบทวนเนื้อหาที่อ่านมาในใจ ประมาณว่าหัวข้อนี้มีอะไรบ้างที่สำคัญ

6 ขั้นตอนนี้ไม่ยากเท่าใหร่ ขอแค่ความตั้งใจ สอบครั้งต่อไป ได้คะแนนเพิ่มแน่ๆ จ้า

credit : teenee.com

อารมณ์ ความโกรธ ของคนกรุ๊ปเลือดต่างๆ





ถ้าแฟนคุณเป็นคนเลือดกรุ๊ป A
คุณอาจจะต้องใช้เวลามากหน่อยกว่าเค้าจะหายโกรธ เพราะเค้าเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่ปกติจะเป็นคนโกรธคนยาก จริงใจกับทุกคน แต่ถ้าลองใครทำให้โกรธล่ะเป็นเรื่อง ยิ่งเป็นคนที่เค้าไว้ใจแล้วมาหักหลังกัน อาจถึงขั้นไม่ร่วมทางกันเลยเชียว
เวลาที่คนกรุ๊ป A โกรธอย่าพยายามยับยั้งเค้า หรืออย่าไปแก้ตัวแทนคนที่ทำให้เค้าโกรธ เพราะเค้าอาจพาลมาโกรธคุณด้วย พยายามเอาอกเอาใจเรื่องอื่น เวลาจะช่วยให้เค้าหายโกรธได้ แต่ถ้าจะให้ดีอย่าทำให้เค้าโกรธเลยเป็นดี
คนเลือดกรุ๊ป B
คนเลือดกรุ๊ป B จริงๆ แล้วคนเลือดกรุ๊ปนี้จะอารมณ์ดี ออกจะเป็นคนโกรธง่าย แต่ก็ลืมง่ายด้วย เค้าจะโกรธใครได้ไม่นานนักหรอก สักพักเค้าก็ลืมแล้ว ยิ่งมีเรื่องสนุกๆ มาเล่าให้ฟังหรือมีอะไรมันส์...มันส์ให้เค้าทำก็ยิ่งดี 
ถ้าคนเลือดกรุ๊ป B โกรธขึ้นมา ต้องพยายามอย่าไปใส่ใจมากนัก ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าให้ทำเป็นไม่สนใจเค้านะ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเค้าอาจจะพาลโกรธมากขึ้น แค่อย่าไปพูดรื้อฟื้นทำให้เค้าลืมๆ ไป ยิ่งลืมเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี
คนเลือดกรุ๊ป AB
คนเลือดกรุ๊ป AB เค้าจะเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง เป็นคนเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองสูง ถือดีเป็นที่สุด และไม่ชอบง้อใคร เวลาจะทำอะไรเค้าก็เป็นคนมีเหตุผลพอสมควร แต่เหตุผลก็จะเข้าข้างตัวเองซะมาก เค้าอาจจะทำให้คุณปวดหัวได้หากทำให้เค้าโกรธ เพราะเค้าจะไม่ยอมฟังคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น ก็บอกแล้วว่าเค้ามีเหตุผลที่ค่อนข้างเข้าข้างตัวเอง ถ้าเค้าโกรธก็ยอมๆ เค้าหน่อย ยอมที่จะเอ่ยคำว่าขอโทษ คงไม่เสียศักดิ์ศรีของคุณเท่าไหร่หรอกมั้ง แค่เนี้ย.....เค้าก็จะหายโกรธแล้ววว..
คนที่มีเลือดกรุ๊ป O
สุดท้าย คนที่มีเลือดกรุ๊ป O ความโกรธของคนเลือดกรุ๊ป O รุนแรงราวกับพายุเฮอริเคนก็ไม่ปาน เค้าจะน่ากลัวมากเมื่ออยู่ในอารมณ์โกรธ อย่าไปขวางเชียวอาจโดนลูกหลง เข้าได้ แต่เค้าเป็นคนมีเหตุผลมาก จึงเป็นเรื่องที่ยาก หากจะทำให้เค้าอารมณ์ดี อย่างที่บอกแล้วว่าถ้าโกรธจะแรงมาก แต่ถ้าเค้ารู้สาเหตุข้อเท็จจริงที่ทำให้เค้าโกรธ อธิบายให้เค้าฟังอย่างมีเหตุผลเค้าก็จะหายโกรธเป็นปลิดทิ้ง ประมาณว่าเหมือนไม่เคยโกรธกันมาก่อน
รู้แล้วก็อย่าลืมหาวิธีเหมาะๆ ไปง้อแฟนให้หายโกรธซะล่ะ ทางที่ดีอย่าหาเรื่องให้โกรธกันจะดีฝ่า..!!!.


credit : teenee.com

ข้อคิดดีๆ : ชีวิต การเดินทาง เพื่อน




อย่ากลัวที่จะออกเดินทางไปใช้ชีวิตเพราะการออกเดินทาง
จะทำให้เราค้นพบการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลง จะสอนให้เราเรียนรู้
และยอมรับสัจธรรมของชีวิต
ซึ่งทำให้เรารู้ว่า ความสุขและความทุกข์
ต่างกันมากน้อยแค่ไหน
และเราจะพบเจอคุณค่าของชีวิตได้อย่างไร
เพื่อน
คนบางคน หรือใครหลายคน อาจจะมีความคิดดีขึ้นเมื่อเติบโต
หรือบางครั้ง ความคิดกลับไม่ได้โตตามอายุ
ยิ่งโตขึ้น สิ่งเลวร้ายที่อยู่ภายในตัวเอง อาจจะแสดงออกมาได้อย่างโดดเด่น
นั่นเพราะอะไร..
เพราะสังคมทำให้เค้าเปลี่ยนไป
หรือเพราะจริงๆ แล้ว สิ่งนั้นก็แค่รอเวลาเปิดเผย
ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
เพื่อน คือคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ
ถ้าเพื่อนคนไหนที่รู้สึก ไม่คลิก ก็อย่าไปทนฝืนคบ
จะทำให้เจ็บปวดกันเปล่าๆ
เมื่อถึงวัยหนึ่ง เราจะแยกแยะได้เองว่า
คนไหนเป็นแค่เพื่อน คนไหนเป็นได้แค่ คนรู้จัก
แล้ววันนั้น คุณจะเข้าใจความหมายของคำว่า
ความสุข ที่แท้จริง จากคำว่า "เพื่อน"

by : m_manit


credit : teenee.com

เคล็ดลับการอ่านหนังสือสอบ ให้ได้ผล




10 เคล็ดลับ จำง่าย การอ่านหนังสือสอบ CoolYellLaughing
1. ปิด ทีวี คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต mp3 มีสติอยู่กับหนังสือ
2. นั่งสมาธิสัก 5 นาที
3. อ่านหนึ่งรอบ แล้วสรุป โดยไม่เปิดหนังสือ
4. เช็คคำตอบ
5. อ่านอีกหนึ่งรอบ
6. สรุปใหม่ เปิดหนังสือได้เอาไว้อ่าน
7. ถ้าทำเป็น Mind Mapping จะอ่านง่ายขึ้น
8. มีเอกสารอะไรที่ครูแจก อย่าคิดว่าไม่สำคัญ
9. ท่องในส่วนที่ครูพูดย้ำบ่อยๆ อย่างน้อย 2 ครั้ง/คาบ
10. ก่อนวันสอบ ห้ามหักโหมอ่านหนังสือถึงเที่ยงคืน เพราะสมองจะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
---------------------------------------------------------------------------
5 เคล็ดลับการอ่านหนังสือสอบวิธีอ่านหนังสือ  แบบว่าอยากสอบผ่าน....
1. คนที่อ่านหนังสือคนเดียวมักจะเสียเปรียบ คนที่อ่านเป็นกลุ่มมักจะได้เปรียบ เนื่องจากอ่านคนเดียวอาจเข้าใจคลาดเคลื่อน หรืออ่านไม่ตรงจุด หรือ(บางคน)อาจอ่านไม่รู้เรื่อง ถ้าอ่านเป็นกลุ่มโอกาสอ่านผิดจุดจะยากขึ้น และยังพอช่วยกันฉุดได้
   ** แต่วิธีนี้ไม่เหมาะสำหรับคนชอบแชตนะค่ะ อิอิ
2. ควรอ่านเองที่บ้านก่อน 1 รอบ และจับกลุ่มติว เสร็จแล้วกลับไปอ่านทบทวนเองที่บ้านอีก 1 รอบ (ต้องรับผิดชอบตัวเอง)
3. ผลัดกันติว ใครเข้าใจเรื่องใดมากที่สุดก็ให้เป็นผู้ติว ข้อสำคัญ อย่าคิดแต่จะเป็นผู้รับอย่างเดียว จงคิดว่าเป็นผู้ให้ก่อน แล้วคนอื่น (ถ้าไม่แล้งน้ำใจเกินไป) ก็จะให้ตอบเอง
4. ผู้ติวจะได้ทบทวนเนื้อหา และจะรู้ว่าตัวเองขาดอะไร บกพร่องอะไร จากคำถามของเพื่อนที่สงสัย บางครั้งเพื่อนก็สามารถเสริมเติมเต็มในบางจุดที่ผู้ติวขาดหายได้
5. การติวจะทำให้เกิดการ Share ความคิด และฝึกวิธีทำงานร่วมกับผู้อื่น ช่วยพัฒนาทั้งด้าน IQ และ EQ (อ่านเองจะพัฒนาแต่ IQ)
เป็นยังไงบ้างคะ กับวิธีอ่านหนังสือที่เน้นการจับกลุ่มซะหน่อยนึง  แต่ลองทำดูสิ  อาจจะได้ผลนะ 

ที่มา 
aommee





credit : teenee.com



ลุคแบบไหนกันที่ส่อแวว ไฮซ้อ




 อายุอานามเข้า 40 แม้ยังแจ๋ว ทั้งยังงามสง่าน่านับถือก็จริงอยู่ แต่ก็ดูไม่สาวอีกต่อไป บางคนมีหน้ามีตาในสังคม มีความมั่นใจ แต่งหน้าแต่งตาเต็มที่ ผมต้องยีตีโป่งพอง ฉีดสเปรย์แข็งโป๊ก อาจเนื่องมาจากสาเหตุหลายประการ
           1. ผมบางลง ต้องการให้มีวอลูมมากขึ้น เลยต้องยีผม
           2. ต้องการเพิ่มวอลูมผมให้สมส่วนกับขนาดของเอวที่หนาเพิ่มขึ้นตามกาลเวลาไม่งั้นจะกลายเป็นหัวหลิมเล็กไม่สมกับตัว
           3. ช่วยให้ใบหน้าดูเล็กลง
           4. ช่วยปกปิดหูกาง ประหยัดเงินกว่าการทำศัลยกรรมเป็นไหน ๆ
           5. คิด(เข้าข้างตนเอง) ว่าดูมีราศี เหมือนนางสิงห์เจ้าป่า ช่วยเพิ่มความมั่นใจ
           6. ดูเซ็กซี่ เป็นที่ดึงดูดสายตาให้คนมามอง ชายขับรถสปอร์ตมักควงสาวหัวโต
           7. แสดงถึงความยิ่งใหญ่ ทรงพลัง คนรอบข้างต้องเกรงใจ ไม่กล้าเทียบรัศมี
           8. ยิ่งผมสูงเท่าใดยิ่งใกล้สวรรค์มากเท่านั้น

          ไม่ว่าจะเป็นดอริส เดย์ เอลิซาเบธ เทย์เลอร์ ดอลลี่ พาร์ตัน และแม้แต่นักร้องเพลงร็อกอเมริกันบางกลุ่ม เช่น เดอะ บี 52 บางครั้งเน้นการยีเป็นส่วนๆอย่างยีผมโป่งเฉพาะที่บริเวณกระหม่อม แฟชั่นที่ทำกันมานานมากกว่า 10 ปีในเมืองไทย และเหล่าหญิงคนดังที่เราเห็นกันตามนิตยสาร เป็นหลักฐานยืนยันได้เป็นอย่างดี ว่าผมยีโป่งนี้ยังคงมีอยู่แน่นอน
ชอบหรือไม่ชอบ
       ผู้ชายที่ขับรถสปอร์ต โฉบเฉี่ยว สีสันเตะตา เป็นฉันใด หญิงผู้ยีผมโป่งก็เป็นเช่นนั้น สำหรับชายที่ชอบผู้หญิงกับทรงผมสไตล์นี้เป็นเพราะเป็นการทำตัวให้เป็นที่ชวน มอง เหมือนการใส่ส้นสูงปริ๊ด เสื้อยกทรงเสริม และยิ่งมีหัวโตเท่าไหร่เป็นการป่าวประกาศกึกก้องให้โลกรู้ว่าเธอรักตัวเอง มากเพียงใด แล้วพวกเขาก็ชอบผู้หญิงที่รักตนเอง(เข้าทำนองพวกหลงตัวเอง หลงอายุ หลงทางยังไงยังงั้น)

        ส่วนพวกที่รังเกียจก็ย่อมมี เข้าทำนองคนรักเท้าผืนหนังคนชังเท่าผืนเสื่อ ชายส่วนมากคงหัวเราะกันครืนและมีความเห็นว่ามันดูน่าเกลียดเสียเต็มประดา บางคนว่ามันดูโบราณไม่เป็นธรรมชาติ บ้างก็ว่าใช่เพียงไม่กล้าจะจับ แต่ไม่กล้ามองเสียด้วยซ้ำ
เครื่องประดับเพชรพลอย
      สำหรับในโลกธุรกิจแล้ว เครื่องประดับเฉพาะเงิน ทอง ไข่มุกเท่านั้นที่เหมาะกับวันทำงาน (ที่ดูน่าเชื่อถือ) พวกเพชรพลอยสีต่างๆที่แพรวพราวนั้นเหมาะกับงานราตรีสโมสร (ที่ไม่ค่อยได้ไป) ส่วนเครื่องประดับพวกเชือก ลูกปัด ไม้ โบ พลาสติกต่างๆ ไม่เหมาะกับวันทำงานเป็นอย่างยิ่ง นอกจากคุณจะอยู่ในสายงานฝ่ายแฟชั่น

          บางคนแพ้พวกทองและโลหะแท้ ใส่แล้วเกิดความคัน ก็ดีไปอย่างประหยัดไปในตัว สาเหตุจากการแพ้นี้ (นอกจากความจนแล้ว) เนื่องจากมาจากระบบความเป็นกรดในร่างกาย ทำปฏิกิริยาทางเคมีกับโลหะบริสุทธิ์อย่างเงินและทอง อาจช่วยหลีกเลี่ยงได้ด้วยการลดอาหารที่เป็นกรดสูงอย่างพวกมะนาว มะเขือเทศ แนะนำให้ทานลูกแพร์เพียงอย่างเดียว (แพงเข้าไปอีก) ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีความเป็นด่างสูงสัปดาห์ละ 3-4 มื้อ

          หากใครลองแล้วได้ผลก็สามารถนำคลังมหาสมบัติที่มีอยู่มาสวมใส่สบายใจเฉิบ ใครที่ปฏิบัติตามแล้วก็ยังแพ้อยู่ อาจจะเป็นความโชคดีที่ได้สวยอย่างธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งพาเครื่องประดับ

      ที่ทุกคนต้องสวมใส่ก็คือนาฬิกาเพื่อดูเวลา ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ใส่ใจสำรวจ สังเกตนาฬิกาของคนรอบข้าง โดยเฉพาะพวกผู้ชายนี่แหละที่คอยสังเกต หากสามารถหาซื้อนาฬิกาที่มีคุณภาพ และยี่ห้อดีๆ ก็จะทำให้มีความภาคภูมิใจมากขึ้นเมื่อสวมใส่ หากเงินน้อยก็สามารถหานาฬิกาสวย ๆ คุณภาพดี ราคาไม่แพงที่มีขายอยู่ทั่วไป คงไม่ต้องถึงขั้นแม่นยำเหมือนที่ใช้ในยานอวกาศ บนดวงจันทร์หรอก

       ในวันทำงาน เครื่องประดับที่ใส่แล้วเกิดเสียงกรุ๋งกริ๋งเป็นเสียงกระดิ่งเรียกร้องความสนใจ ควรหลีกเลี่ยงเพราะไม่เหมาะอย่างยิ่งยวด นอกจากรบกวนสมาธิของตนเองและคนรอบข้างแล้ว ยังดูเป็นคนเหลาะแหละและไม่จริงจังอย่างที่สุด ลองหันมาสวมใส่เครื่องประดับเก๋ๆอย่างเข็มกลัด ซึ่งไม่จำเป็นต้องเข้าชุดกับตุ้มหู เพียงระวังให้สีสันและรูปร่างดูกลมกลืน ไม่ดูขัดตา

       สำหรับสายสร้อยนั้น ส่วนใหญ่ก็มักจะสวมสร้อยทองห้อยพระ บางครั้งสวมประจำติดตัวทุกวัน จึงไม่จำเป็นที่ต้องโชว์ออกมานอกเสื้อ (ชี้ช่องให้โจรมาจี้) เพราะคงไม่สามารถเข้ากับเสื้อผ้าทุกชุดที่สวมใส่ ยิ่งพวกที่มีคอยาวๆแล้วยังสวมสร้อยคอเส้นยาวๆ ยิ่งจะทำให้คอดูผอมยาวยิ่งขึ้น สำหรับคนตัวเล็กๆหากอยากสวมสร้อยคอยาวๆไม่ควรเกิน 4-5 นิ้ว วัดจากปุ่มคอลงมา ส่วนพวกแหวนนั้นยิ่งสวมมากลวงเท่าใดยิ่งสวยน้อยลงเท่านั้น เพราะจะไปบดบังความงามกันเองบนนิ้วมือ แย่ไปกว่านั้นเวลาเข้าห้องน้ำไปเผลอถอดล้างมือ สูญหายไปเสียอีก

        เครื่องประดับคือส่วนที่ดึงดูดสายตาให้มองดู ดังนั้น พวกที่มีอายุสูง ๆ ถึงชอบสวมเครื่องประดับ เนื่องจากเนื้อตัวก็เหี่ยวย่น ดึงสายตาจากเนื้อหนังมังสาให้มาตะลึงงุนงงกับสร้อยคอ อุบะเพชร ทับทิม มรกตเจ้าคุณปู่ 300 ล้านแทน
        ผู้ที่ใส่เครื่องประดับมาก ๆ จึงถือว่ามีอายุมากเข้าไปด้วย เพราะถ้าสวยจริงไม่ควรต้องมีเครื่องประดับมาบดบังความบดบังเนื้อหนังความ สวยงามตามธรรมชาติ พวกยีผมโป่ง พอกเครื่องสำอาง โปะเครื่องประดับก็เรียกได้ว่า ไฮซ้อลุค ไง



ที่มา ... MomyPedia



credit : teenee.com

กินเจเพื่อสุขภาพ "เห็ด"เพิ่มภูมิคุ้มกัน


ในโอกาสเทศกาลกินเจ รศ.ดร.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ คณะการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต มีข้อแนะนำเรื่อง "กินเจอย่างไร เสริมสุขภาพภูมิคุ้มกัน"

ว่าปัจจุบันมีการกินอาหารเจหรือมังสวิรัติมากขึ้นเรื่อยๆ ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพ สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงคุณภาพของอาหาร เพื่อให้ได้สารอาหารที่เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละเพศและวัย

มีงานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่าการกินอาหารมังสวิรัติช่วยลดอัตราการเจ็บป่วยหรือลดอัตราการตายจากโรคเรื้อรังชนิดไม่ติดต่อต่างๆ ได้มากกว่ากลุ่มที่ไม่เป็นมังสวิรัติ โดยมีรายงานยืนยันว่าผู้ที่กินอาหารมังสวิรัติมักจะมีระดับคอเลสเตอ รอล ความดันโลหิตและน้ำหนักตัวต่ำกว่าผู้ที่ไม่กินอาหารมังสวิรัติ
แม้ว่าอิทธิพลจากปัจจัยอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์จะมีผลต่อการเกิดโรคภัยต่างๆ ดังที่กล่าวมา
แต่บทบาทสำคัญของอาหารที่มีต่อสุขภาพก็เป็นสิ่งที่ทั่วโลกยอมรับ เช่น สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำให้เลือกกินอาหารจากพืชเป็นหลัก สมาคมโรคหัวใจของสหรัฐอเมริกาแนะนำให้เลือกกินอาหารให้สมดุลโดยเน้นอาหารประเภทผักผลไม้ และธัญพืช

ทั้งนี้ การกินเจหรือมังสวิรัติควรมีการวางแผนที่ดี เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วนทุกหมวดหมู่ในปริมาณที่เหมาะสม และควรป้องกันการขาดสารอาหารบางชนิด เช่น ธาตุเหล็ก แคล เซียม สังกะสี โปรตีน ไขมันจำเป็นบางชนิด วิตามินบี 12 และวิตามินดี เป็นต้น

หนึ่งในเมนูอาหารที่ได้รับความนิยมในเทศกาลกินเจ คือ เห็ด เพราะนอกจากจะมีรสชาติอร่อย และมีคุณค่าทางโภชนาการสูงแล้ว ยังมีให้เลือกมากมายมาปรุงอาหารและประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูแทนเนื้อสัตว์ได้เนื่องจากเป็นแหล่งที่ดีของโปรตีนจากอาหารพืช มีทั้งเมนูต้ม ผัด แกง ทอด ย่าง หรือยำ

เห็ดมีพลังงานต่ำ 20 แคลอรี และ ไขมัน 0 กรัมต่อ 1 ที่เสิร์ฟ แต่มีคุณค่าทางโภชนาการต่อสุขภาพสูง เนื่องจากอุดมไปด้วยคาร์โบ ไฮเดรต โปรตีน เส้นใยอาหาร วิตามินและแร่ธาตุ เห็ดที่มีกลุ่มวิตามินบีสูง เช่น ไรโบฟลาวิน ไนอะซิน และกรดแพนโทธีนิก มีวิตามินซี ฟอสฟอรัส โพ แทสเซียม อีกทั้งยังเป็นแหล่งที่ดีของแคลเซียมและวิตามินดีในอาหาร
การแพทย์แผนตะวันออกมีการใช้เห็ดบำรุงสุขภาพและเป็นยามานานหลายศตวรรษ

แต่คุณสมบัติของเห็ดต่อการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันเริ่มได้รับความสนใจเมื่อไม่นานมานี้ มีรายงานการศึกษาทางวิชาการจำนวนมาก รวมทั้งวารสารเห็ดทางการแพทย์นานาชาติยืนยันว่าเห็ดทางการแพทย์มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว โดยการปรับสมดุลการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพเพื่อการต่อต้านเชื้อโรคและเซลล์มะเร็ง

เห็ดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติพบว่ามีมากถึง 38,000 สายพันธุ์

แต่มีเห็ดเพียงไม่กี่ชนิดที่รับประทานได้และมีสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าคุณค่าทางโภชนาการ เช่น "เห็ดทางการแพทย์" หรือ Medicinal Mushrooms ปัจจุบันพบว่ามีอยู่ไม่กี่ชนิดที่สำคัญต่อการส่งเสริมสุขภาพ ได้แก่ เห็ดยามาบูชิตาเกะ (เห็ดปุยฝ้าย) เห็ดหลินจือ เห็ดไมตาเกะ ถั่งเฉ้า เห็ดหอม และ เห็ดเทอร์กี้เทล เป็นต้น ซึ่งนำมาใช้เป็นสารแอนติออกซิแดนต์ เพิ่มภูมิต้านทาน ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ป้องกันไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา ลดการอักเสบ ต้านการแพ้ ควบคุมสมดุลของระดับน้ำตาล ส่งเสริมระบบการขับพิษจากร่างกาย
ตัวอย่างเห็ดทางการแพทย์ที่นิยมใช้แพร่หลาย
เช่น เห็ดยามา บูชิตาเกะ หรือ เห็ดปุยฝ้าย มีงานวิจัยทางการแพทย์ของประเทศญี่ปุ่น พบว่าเห็ดชนิดนี้ให้ผลต่อการเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร หลอดอาหาร และผิวหนัง แต่เนื่องจากเห็ดชนิดนี้พบได้ยากตามธรรมชาติ เพราะส่วนใหญ่จะเจริญเติบโตในภูเขาที่มีความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ จึงทำให้ปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงเห็ดชนิดนี้ในระบบปิด

เห็ดหลินจือ เป็นเห็ดสมุนไพรที่ใช้กันแพร่หลายในประเทศจีนและญี่ปุ่นในการรักษาโรคมากมาย สารสำคัญที่พบคือ Triterpenoids และ โพลีแซ็กคาไรด์ สารเหล่านี้มีส่วนช่วยเสริมความแข็งแรงให้ระบบภูมิคุ้มกัน ลดระดับคอเลสเตอรอล ไปจนถึงการยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกที่ผิดปกติ

ถั่งเฉ้า หรือ "หญ้าหนอน" มีการนำมาใช้เป็นยาอย่างแพร่หลาย โดยเชื่อว่ามีสรรพคุณรักษาโรคได้มากมาย เช่น เสริมภูมิต้านทาน ช่วยระบบไหลเวียนโลหิต ช่วยให้เจริญอาหาร ทำให้ร่างกายแข็งแรง รักษาภูมิแพ้ แก้เครียด ชาวจีนจึงขนานนามว่า "เห็ดอายุวัฒนะ"

เห็ดไมตาเกะ ในญี่ปุ่นมีการใช้เห็ดไมตาเกะเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด และมีหลายการศึกษาบ่งชี้ว่าสารสกัดเห็ดไมตาเกะช่วยให้การได้รับเคมีบำบัดขนาดน้อยมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ปกป้องเซลล์ที่แข็งแรงไม่ให้ถูกทำลาย

เห็ดหอม หรือ เห็ดชิตาเกะ เป็นยาอายุวัฒนะ เพราะช่วยลด ไขมันในเส้นเลือด อีกทั้งยังเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสและมะเร็ง ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร บำรุงกำลัง บรรเทาอาการไข้หวัด

เห็ดทางการแพทย์อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งจากอาหารธรรมชาติที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีและยกระดับภูมิคุ้มกันให้ร่างกายในช่วงเทศกาลเจนี้
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด


credit teenee

10 อานิสงส์ ของการไม่ทานเนื้อสัตว์



ในบรรดา บาปกรรมทั้งหลายที่คนหลงผิดกระทำไปการเบียดเบียนฆ่าทำลายชีวิตผู้อื่นถือ เป็นบาปกรรมที่ร้ายแรงที่สุดแม้ว่าจะกระทำลงไปโดยไม่เจตนา ก็ยังต้องไปรับโทษ นับประสาอะไรกับการจงใจเจตนาฆ่าเขาให้ตาย โทษทัณฑ์์นั้นจะ ยิ่งใหญ่ หลวงและ ไม่อาจให้อภัยได้ด้วยเหตุที่พระพุทธองค์ทรงมี พระประสงค์ ์ให้เราทุกคนละเว้นจาก การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และเลิกเบียดเบียนผู้อื่นโดยเด็ดขาด พระองค์จึงทรงบัญญัติ ศีลข้อ "ปาณาติบาต" คือห้ามการฆ่า เป็นข้อที่สำคัญอันดับหนึ่ง ขอให้เราจง มาร่วมกันศึกษาพิจารณาพระพุทธวจนะว่าด้วยเรื่อง "อานิสงส์ 10 ข้อของการ ไม่กินเนื้อสัตว์" เพื่อจักได้นำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติและบำเพ็ญธรรม ให้สูงขึ้นไปในพระสูตรของพระพุทธศาสนามหายานเล่าว่า

"สมัยหนึ่ง... องค์สมเด็จพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จไปเทศนาโปรดบรรดาเหล่าพญานาคทั้งหลาย พระพุทธองค์ ได้ทรงตรัสธรรมกถาวิสัชนาแสดงแก่พญานาคราชความว่า " บุคคลใด หยุดการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และงดเว้นเสียจากการเสพเลือดเนื้อสัตว์ อีกทั้งยังชี้นำส่งเสริมให้หมู่ชนทั้งหลายหยุดฆ่า หยุดเสพชีวิตเลือดเนื้อผู้อื่น บุคคลผู้นั้นย่อมห่างไกลจาก อกุศลมูล ทั้งปวง และบริบูรณ์พร้อมด้วย

อานิสงส์ ทั้ง 10 ประการอันได้แก่ 
1. เป็นที่รักใคร่ของบรรดาเทพ พรมตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย

2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น

3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์เหี้ยมโหดเครียดแค้นในใจลงได้

4. ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย

5. มีอายุมั่นขวัญยืน

6. ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากวัชรเทพทั้งแปด
7. ยามหลับนิมิตรเห็นแต่สิ่งที่ดีงามเป็นศิริมงคล

8. ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน

9. สามารถดำรงอยู่ในกระแสแห่งนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสู่อบายภูมิ

10. ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตญาณจะมู่งสู่คติภพ




FW

credit teenee.com