วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

จามบ่อย ๆ เสี่ยงเป็นโรคไหมนะ




หากคุณไม่ได้เป็นหวัด แต่จามบ่อย ๆ คุณอาจจะเป็นเพราะภูมิแพ้ ซึ่งอาจจะเป็นการแพ้สัตว์เลี้ยง เชื้อรา หรือไรฝุ่นที่อาศัยอยู่ในที่นอนและผ้าม่าน ลองพยายามจดบันทึกรายละเอียดของอาการที่เกิด รวมถึงเวลาและสถานที่เกิดไว้เป็นประจำ เพื่อวิเคราะห์ถึงตัวกระตุ้นของอาการ 


           หากคุณจามทันทีที่ตื่นนอนในตอนเช้า ก็น่าจะเป็นเพราะไรฝุ่น ซึ่งแก้ไขได้โดยการซักผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน และปลอกหมอนด้วยน้ำร้อน เช็ดทำความสะอาดบ้านและเครื่องเรือนต่าง ๆ ด้วยผ้าชุบน้ำ แทนที่จะแค่กวาดหรือปัดฝุ่น หรือดูดฝุ่นเป็นประจำ

         
  แต่ถ้าคุณยังจามอย่างต่อเนื่องนานเกิน 2 สัปดาห์ หรือหากอาการที่เกิดรบกวนการดำเนินชีวิตตามปกติของคุณ แพทย์จะช่วยวินิจฉัยว่ามีสาเหตุอื่นแอบแฝงหรือไม่ และสั่งยาพ่นสเตียรอยด์เพื่อลดอาการอักเสบที่อาจมี 
แหล่งที่มา : คู่หูเดินทาง




credit : teenee.com

อาการของผู้หญิงเจ้าชู้


อาการของผู้หญิงเจ้าชู้

หลายคนอาจจะไม่ยอมรับอาการนี้ว่าได้เกิดขึ้นกับพฤติกรรมเลี้ยงสัมพันธ์ชายทีละหลายๆ คน
    
1. มักจะปฏิเสธว่าเขาไม่ใช่         ทุกอย่างดำเนินไปด้วยเหตุและผล ชีวิตรักของผู้หญิงหลายใจเองก็เช่นกัน คนที่เคยว่าเป็นรักที่ "ใช่" ของเธอ กลับเป็นรักที่ "ไม่ใช่" ขึ้นมาซะอย่างนั้น เหตุผลของเธอก็ดูไม่กระจ่างแจ้ง รู้แต่ว่าที่เธอเลิกรักเขาก็เพราะเขาไม่ใช่เท่านั้น

   
 2. ปากหวานชวนชายเหลียว         วาจาจริตของเธอมันช่างเย้ายวนกวนอารมณ์ให้ชายมาหลงเสน่ห์อย่างัวปักหัวปำเสียเหลือหลาย ผู้ชายคนใดก็ตามที่หลงมาสดับรับฟังคำเจรจาสุดฉอเลาะของเธอ มีอันต้องกระโดดลงมาในหลุมพรางความรักของเธอทั้งนั้น
    3. เพื่อนสนิทผู้ชายเต็มไปหมด         คนกี่คนต่อกี่คน เธอก็ไม่ยอมเปิดว่าเป็น "คนรัก" เสียที แต่ผู้ชายเองก็ดันบ้าเห่อตีความไปเองว่า "การเป็นเพื่อนสนิทคือจุดสตาร์ทความสัมพันธ์ของความรัก" ทั้งที่จริงๆ แล้วเธอสนิทและรักเขาในฐานะเพื่อนกันจริงๆ ต่างหาก

   
 4. กลัวการผูกมัด         ผู้หญิงหลายคนที่กลัวการผูกมัดเมื่อต้องคบกับผู้ชายคนใดคนหนึ่ง เพราะการที่จะคบใครจริงจังต้องมีความเสียสละสูง และการที่ต้องเสียสละนี้เองที่ทำให้ผู้หญิงหลายคนทำไม่ได้ และอีกประการหนึ่งคือความเจ็บปวดที่เคยเกิดขึ้นจากการเสียสละของผู้หญิงเหล่านั้นน และได้รับผลตอบแทนอันเจ็บปวดจากผู้ชายคนเก่าของพวกเธอ ทำให้พวกเธอกลัวที่จะเสียความรู้สึกรักนี้ให้ใครอีกครั้ง

   
 5. เปลี่ยนใจรักง่าย         ถ้าคนในอดีตคือคนที่ใช่แล้ว แต่เธอกลับปฏิเสธความรักเพื่อไปรักกับคนปัจจุบันที่ถือเป็นคนที่ "ใช่กว่า" ซึ่งสำหรับคนเจ้าชู้หลายใจอย่างเธอนั้นไม่มีคนที่ "ใช่ที่สุด" หรอก เพราะในอนาคตเธออาจเปลี่ยนใจไปรักคนที่ "ใช่ยิ่งกว่าใช่" ขึ้นไปอีกเรื่อยๆ

   
 6. ชิงชังผู้ชายหลายใจ         ผู้หญิงหลายใจไม่ชอบเลย หากจะต้องมาปะทะกับผู้ชายหลายใจด้วยกันเอง เพราะต่างรู้ดีว่าต่างมีวิถีความรักที่ไม่ธรรมดารวมถึงต่างก็รู้ว่าการที่จะหยุดหัวใจเอาไว้ที่ใครนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต่างก็รักง่ายหลายรักกันทั้งนั้น ดังนั้นความรักระหว่างผู้หญิงเจ้าชู้กับผู้ชายเจ้าชู้จึงมักจะไปกันไม่รอด

    
7. มักคิดว่าตัวเองไม่ได้เจ้าชู้สักหน่อย        ห้ามมาเรียกเธอว่า "เจ้าชู้" หรือกระทบกระทั่งว่าเธอหลายใจเป็นเด็ดขาดเพราะเธอมักไม่เคยบอกรักใครง่ายๆ และไม่เคยบอกรักใครก่อนด้วยซ้ำ มันช่วยไม่ได้ที่เสน่ห์และความงามของเธอได้ดึงดูดเพศตรงข้ามเข้ามาหาเธอเอง

   
 8. คั่วผู้ชายทีละมากกว่า 1 คน         อีกฉายาหนึ่งที่ผู้ชายทั้งหลายพากันแต่งตั้งให้เธอคือ "ผู้ว่าการรถไฟ" เพราะเธอสลับรางไม่ให้ชนกันได้เก่งยิ่งกว่าเจ้าหน้าที่เสียอีก

    
9. ชอบขู่ด้วยชื่อผู้ชายคนอื่น         วันใดถ้าเกิดเธอไม่พอใจเขา หรือว่าเขาทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเธอขึ้นมาแล้วล่ะก็ เธอก็จะสร้างสถานการณ์ตึงเครียดและกดดันเขาด้วยการแสดงบทเอื้ออาทรสนใจผู้ชายคนอื่นมากกว่าเขา หรือไม่ก็ถึงขั้นแสดงภาพบาดตาบาดใจกับผู้ชายคนอื่น อันเป็นการกวนใจบันดาลโทสะแก่เขา จนเขาต้องยอมและยอมทำตามที่เธอบัญชามาทุกอย่างแต่โดยดี



ที่มา ... spicy

credit : teenee.com

สร้างเสน่ห์แบบชิล ๆ




ดูแลเสื้อผ้าหน้าผมกันไปแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่สาวๆ เช่นคุณจะมาดูแลและบริหารเสน่ห์กันบ้างแล้วล่ะค่ะ การดูแลตัวเองให้มีเสน่ห์นั้นเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ทำให้เราเป็นคนที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น ใครๆ ก็อยากเข้ามาพูดคุยทำความรู้จัก ว่าแล้วเราก็มีเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ
   
 
เพื่อนใหม่สร้างได้         อย่าไปกลัวที่จะเป็นฝ่ายเริ่มต้นพูดคุยกับใครก่อน เพราะคุณอาจจะเสียโอกาสในการคบหาเพื่อนใหม่ไปอย่างน่าเสียดายนะคะ เพียงเพราะแค่อายที่จะเริ่มพูดคุย เราอาจจะได้ความรู้หรือประสบการณ์ดีๆ จากเพื่อนใหม่คนนี้ก็ได้ใครจะไปรู้ ทำตัวให้เป็นธรรมชาติ และมีชีวิตชีวาเข้าไว้ และพึงจำเอาไว้ว่าอย่าพูดแต่เรื่องของตนเอง พยายามเอาใจใส่แก่บุคคลที่เราติดต่อด้วย ไม่พูดแต่เรื่องของตัวเองอยู่ฝ่ายเดียวนะคะ

    
รอยยิ้มพิมพ์ใจ         รอยยิ้มเป็นใบเบิกทางของมนุษยสัมพันธ์ที่ดีค่ะ มิตรภาพก็สามารถเกิดขึ้นได้เพียงรอยยิ้มแค่ครั้งเดียวค่ะ

   
 มั่นใจซะอย่าง         เป็นในแบบที่เราเป็น เมื่อเรามองเห็นคุณค่าในตัวเอง ผู้อื่นก็มองเห็นเช่นกันค่ะ การเป็นตัวของตัวเองนั้นจะทำให้เรากล้าเปิดเผยตัวตนของเรามากขึ้น ผู้คนจะรู้สึกได้ถึงความจริงใจที่เรามีให้ค่ะ

    
เป็นผู้ฟังที่ดี         ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี และมีความสนใจในสิ่งที่เขาพูดอยู่ตลอดเวลา ตามธรรมชาติแล้วผู้คนมักจะชอบพูดเรื่องราวของตัวเองค่ะ หัวข้อสนทนาอาจจะเป็นเรื่องที่เขามีความรู้ความชำนาญ หรือเรื่องที่เขากำลังสนใจอยู่ แต่อย่าเพิ่งเบื่อไปเสียก่อน เพราะก็เป็นโอกาสดีที่สาวๆ จะได้รู้จักเขามากขึ้นด้วยค่ะ

    
ร่าเริงเข้าไว้        ไม่มีใครอยากจะเข้ามาทักทายกับคนที่คิ้วผูกโบว์อยู่ตลอดเวลาหรอกค่ะ อย่าใช้ชีวิตให้คร่ำเคร่งเกินไปนัก ลองหามุขตลกเอามาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังคลายเครียดกันบ้าง หัวเราะให้ง่ายขึ้น จะทำให้เราน่าคบหามากขึ้น แต่ก็ควรให้ถูกกาลเทศะด้วยนะคะ

credit : teenee.com

    
เปลี่ยนแปลงตัวเองบ้าง        สาวๆ อาจจะลองเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว หรือทรงผมบ้าง ให้เหมาะสมกับตัวเอง และส่งเสริมบุคลิกให้ดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ไม่จำเป็นต้องแต่งตามแฟชั่นแต่แต่งให้ถูกกาลเทศะ ดูแลความสะอาดของร่างกายและเสื้อผ้าก็พอค่ะ

        
แต่เหนือสิ่งอื่นใดการมีเสน่ห์ที่สุดของสาวๆ ก็คือความจริงใจนี่แหละค่ะ ที่จะทำให้ได้รับความจริงใจกลับมาด้วย และมิตรภาพที่ได้รับมาก็จะสามารถอยู่คงทนไปตราบนานเท่านานค่ะ

ที่มา .... Sabai-arom


ผู้ชายแบบไหน . . .ไม่น่าเลือก





อุปกรณ์ ดินสอเขียนคิ้ว
 ชุดแปรงใช้แต่งดวงตา เช่น พูกันปัดคิ้ว พู่กันทาอายแชโดว์
 ดินสอเขียนขอบตา
 อายไลเนอร์
 คอตตอนบัด
 ที่ดัดขนตา
ขั้นตอนก่อนสวย เริ่มแรกด้วยการพิจารณาดูว่าดวงตาของคุณเล็ก ใหญ่ ชิดกัน หรือว่าห่างกันแค่ไหน เมื่อวิเคราะห์ได้แล้ว ทีนี้ก็อยู่ที่คุณว่าจะแต่งดวงตาเพื่อสบตาปิ๊งชายหนุ่มเล่น หรือเพื่อให้ตัวเองดูสวยขึ้น
ถ้าคุณมีดวงตาเล็ก ให้ใช้สีอายแชโดว์สีเข้มไล้บริเวณหางตา แล้วค่อยเบจสีให้อ่อนลงไปทางหัวตา แล้วใช้ดินสอเขียนขอบตาสีดำเขียนให้ชิดโคนขนตาให้มากที่สุด โดยเริ่มเขียนจากบริเวณหางตามาจรดหัวตา หากเส้นดินสอยังเลอะไม่สม่ำเสมอ ให้คุณใช้คอตตอนบัดเกลี่ยให้เนียน แล้วใช้พู่กันปลายเล็กทาอายแชโดว์สีเดียวกับดินสอ ทาทับลงไปบนเส้นดินสออีกครั้ง เพื่อลดความแข็งกระด้างของเส้นดินสอ ส่วนขอบตาล่างใช้ดินสอเขียนขอบตาที่มีสีอ่อนกว่าดินสอเขียนขอบตาบน โดยเริ่มเขียนตั้งแต่ หางตา (ให้ชิดกับหางตาบน) มาในระยะ 2/3 ของตาแล้วหยุดพักไว้ แล้วใช้พู่กันปลายแหลมเล็กทาสีอายแชโดว์สีเดียวกับดินสอเขียนขอบตา ทาทับเส้นดินสอที่เขียไว้อีกครั้ง
 ใช้ที่ดัดขนตาตัดขนตา เริ่มตั้งแต่โคนขนตา กลางขนตา และปลายขนตา แล้วใช้มาสคาร่าสีดำหรือน้ำตาล ถ้าปัดขนตาบนให้คุณมองต่ำๆแล้วจับมาสคาร่าเป็นแนวนอน ปัดจากโคนขนตาด้านล่างไปจนถึงปลายขนตา ปัดซ้ำไปซ้ำมาจนขนตาคุณดูยาว ส่วนขนตาล่างให้คุณตั้งมาสคาร่าขึ้น แล้วปัดมาสคาร่าทั่วทุกเส้นขนตา หากมาสคาร่าจับกันเป็นก้อน ใช้แปรงปัดคิ้วที่มีลักษณะคล้ายหวี หวีเส้นขนตาให้แยกออกจากกัน
 ไม่ควรเขียนเส้นอายไลเนอร์เส้นหน้าและใหญ่ สำหรับคนตาเล็ก เพราะจะยิ่งเน้นดวงตาคุณให้ดูเล็กมายิ่งขึ้น
 ถ้าคุณมีผิวมัน ควรใช้มาสคาร่าและอายไลเนอร์ชนิดกันน้ำ ไม่ควรใช้อายแชโดว์ชนิดครีมเพราะจะทำให้ดวงตาคุณเลอะเทอะ
 ถ้าคุณเป็นสาวตากลมโต ควรใช้สีอายแชโดว์สีกลางและสีอ่อน อย่าเน้นสีอายแชโดว์ให้ดำเข้มมากเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้ดวงตาคุณดูดุ
 สำหรับสาวตาโต เมื่อทาสีอายแชโดว์เนียนสวยที่เปลือกตาแล้ว คุณอาจใช้ดินสอเขียนขอบตาสีเข้มเขียนเส้นบางๆ แล้วปัดมาสคาร่าเลยก็ได้ แต่ถ้าอยากใช้อายไลเนอร์ ควรเขียนเส้นให้เล็กและบางมากที่สุด
 สำหรับสาวตาห่าง ควรพยายามทาสีอายแชโดว์สีเข้มให้ค่อนมาทางหัวตา และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้สีอ่อนบริเวณหัวตา เพราะจะทำให้ตาคุณดูห่างมากยิ่งขึ้น
 ถ้าคุณมีดวงตาที่ชิดกันมาก ควรเน้นอายแชโดว์สีอ่อนมากๆบริเวณหัวตา แล้วเน้นสีเข้มๆที่หางตา ข้อห้ามสำหรับสาวตาชิด ไม่ควรเน้นการแรเงาบริเวณข้างจมูกให้เด่นเพราะจะยิ่งทำให้ตาดูชิด
 การเขียนคิ้ว ถ้าคุณมีคิ้วที่สวยได้รูปอยู่แล้ว คุณเพียงแต่ใช้พู่กันปัดคิ้วทาสีอายแชโดว์สีน้ำตาลหรือใกล้เคียงกับสีคิ้วคุณ ปัดเบาๆให้ทั่วขนคิ้วหรือถ้าต้องการออกงานกลางคืน ก็ใช้ดินสอเขียนคิ้วสีอ่อนกว่าคิ้ว เขียนบริเวณฐานล่างของคิ้วไปตามโครงของคิ้วจริง แล้วใช้พู่กันปัดคิ้วทาสีอายแชโดว์สีใกล้เคียงกับดินสอเขียนคิ้ว ระบายทับให้ทั่วขนคิ้วอีกครั้ง คุณจะมีคิ้วที่สวยคมได้รูปแต่ไม่แข็งกระด้าง
 ถ้าคุณมีขนคิ้วที่หนา ไม่ได้รูป ควรกันคิ้วให้ได้รูป โดยกันบริเวณขนคิ้วด้านล่างสุดก่อน จากด้านหางคิ้วมาสู่บริเวณหัวคิ้ว ถ้ายังรกอยู่ให้ค่อยๆกันแนวขนคิ้วให้สูงขึ้นมาอีกนิด ทำซ้ำเหมือนเดิมจนขนคิ้วคุณโก่งสวยสมใจ
 ถ้าขนคิ้วไม่เป็นระเบียบ หลังจากเขียนคิ้วเสร็จแล้ว ใช้มาสคาร่าเจลใส ปัดทับขึ้นไปอีกครั ้งจะทำให้ขนคิ้วดูมีระเบียบสวยงาม

credit : teenee.com

ข้อคิดดีๆเกี่ยวกับความสัมพันธ์เรื่องเพศ



การมีเพศสัมพันธ์ นอกจากเป็นวิถีทางธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ ยังมีผลพลอยได้เกิดขึ้นตามมาอีกด้วย นักวิชาการที่ช่างสรรหาเรื่องวิจัยระบุว่า ผลพลอยได้จากการมีเพศสัมพันธ์ สะท้อนออกมาทางกระบวนการทางชีววิทยา ถ้าใช้คำว่า ผลพลอยได้ ก็ต้องมีความหมายในแง่บวก เช่น เซ็กซ์ช่วยลดความอ้วน เซ็กซ์ช่วยบำรุงความงาม ช่วยแก้ปวดหัวและอาการแพ้ ช่วยประหยัด...ไม่ต้องซื้อน้ำหอม เซ็กซ์ทำให้ผมนุ่มเป็นเงางาม เป็นต้น ซึ่งเขารวมเรียกว่า คุณูปการของเซ็กซ์ ไว้ดังนี้

1. เซ็กซ์คือการบำรุงความงาม การทดลองทางวิทยาศาสตร์ พบว่าขณะผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์ เธอจะหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนออกมาปริมาณมาก ซึ่งทำให้เส้นผมเป็นเงางามและผิวพรรณนุ่มนวล

2. เพศสัมพันธ์ที่อ่อนโยนและผ่อนคลาย ช่วยลดการอักเสบทางผิวหนัง เช่น สิวและผื่นต่างๆ เหงื่อที่ไหลออกมาเป็นตัวชะล้างรูขุมขน ทำให้ผิวผ่องใส

3. เพศสัมพันธ์ช่วยเผาผลาญแคลอรีที่คุณกินเข้าไปช่วงมื้อค่ำอันโรแมนติก

4. เซ็กซ์คือการออกกำลังกายที่ปลอดภัยที่สุด ทั้งช่วยยืดเส้นยืดสายและทำให้กล้ามเนื้อตึงในทุกๆ ส่วนของร่างกาย อีกทั้งน่าสนุกกว่าจ๊อกกิ้งหรือว่ายน้ำสัก 20 เที่ยวเป็นไหนๆ แถมยังไม่ต้องใช้รองเท้ากีฬาแพงๆ

5. เซ็กซ์ช่วยลดความตึงเครียดได้ดียิ่ง กิจกรรมทางเพศช่วยทำให้ร่างกายหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ในกระแสเลือดทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น

6. มีเซ็กซ์บ่อยๆ คุณยิ่งได้รับสารเคมีที่ชื่อ ฟีโรโมนส์ (Pheromones) มากยิ่งขึ้น

7. กลิ่นตัวที่ถูกขับออกมาขณะมีความต้องการทางเพศ เป็น 'น้ำหอม' ที่ช่วยกระตุ้นให้เพศตรงข้ามคึกคักได้อย่างเหลือเชื่อ

8. จูบกันทุกวันลดอาการฟันผุ การจูบกระตุ้นน้ำลายให้ขับน้ำลายออกมา จึงช่วยชะล้างฟันของคุณให้สะอาด

9. เซ็กซ์แก้ปวดหัว ตลอดกระบวนการทางเพศจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดซึ่งไปปิดกั้นหลอดเลือดในสมองไว้

10. ร่วมเพศบ่อยๆ ช่วยแก้อาการคัดจมูก เพราะเซ็กซ์เป็นยาแอนตี้ฮิสตามีนจากธรรมชาติ แก้อาการแพ้ฝุ่นแพ้ละอองได้ดี

11. เซ็กซ์จะเป็นยานอนหลับที่มีประสิทธิภาพดีกว่า แวเลี่ยม (Valium) หลายเท่า ถ้าคุณ 'สามารถ' มีเซ็กซ์เกิน 5 ครั้งในหนึ่งคืน ( ถ้าไม่สามารถ ห้ามทำเด็ดขาด )

เพื่อให้ได้สิ่งที่เรียกว่า 'ผลพลอยได้' จึงต้องมีเซ็กซ์ตามสมควร อย่าถึงกับต้องหักโหม
 


FW

credit : teenee.com

รักแท้...ไม่แพ้ใกล้ชิด





รักแท้...ไม่แพ้ใกล้ชิด
คนที่มีความรักแท้เท่านั้นที่จะเข้าใจว่า ความรักที่แท้จริงเป็นเช่นไร... แต่รักแท้ ไม่ใช่หาได้ง่าย บางคนแสวงหาความรักแท้จนเข้าวัยชราจึงจะพบก็มี หลายคนเมื่อย่างเข้าวัย 30 แล้ว ยังคงอยู่เป็นโสดก็เริ่มสงสัยว่า ในชีวิตของเราจะพบกับความรักไหมหนอ จะได้อยู่ครองคู่กับคนรักไหม ทำไมจึงยังไม่มีใครมารักเรา บางครั้งเขารักกับใครไปจนทั่ว แต่หา เธอ คนนั้นไม่พบ เขาคิดเข้าข้างตัวเองว่า อกหักดีกว่ารักไม่เป็น และเขาก็อกหักอยู่เป็นประจำ เพราะเธอทอดทิ้งเขาไป หาหนุ่มคนใหม่ที่อาจจะมีเสน่ห์กว่า เอาใจมากกว่า และแน่นอน อาจจะร่ำรวยกว่า จนมีคำเขียนท้ายรถว่า รักแท้แพ้เงินตรา และ เงินจางนางจร แต่ไม่จริงหรอกครับ ที่ผู้หญิงจะคิดถึงเงินตรามากกว่าความรัก แม้ว่าในยุคนี้เป็นยุคแห่งวัตถุนิยม ทุกคนแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันเพื่อร่ำรวย เพื่ออำนาจวาสนา เพื่อชื่อเสียง ในท้ายที่สุดแล้วถ้าเธอจะเลือก เธอจะเลือก "ความรัก" ขอแต่คุณ
ทำให้เธอแน่ใจเท่านั้นละครับว่า คุณรักเธอจริง ผู้หญิงเกือบทุกคนมีสัญชาตญาณที่จะรับรู้ว่า เขา คนนั้น รักเธอจริงหรือไม่ และเมื่อเธอทราบว่า เขารักเธอ เธอจะเลือกที่ยืนเคียงข้างเขา เธอสามารถที่จะสละความสุขสบายส่วนตัวเพื่อเขาได้ รวมทั้งในยามที่คับขัน เธออาจที่จะเสียสละชีวิตของเธอเพื่อปกป้องเขาผู้เป็นที่รัก อ่านแล้วอาจจะเหมือนนิยายในฝัน จริงครับ ยากนักที่จะหาในยุคสมัยนี้ แต่ถ้าคุณอดทนรอคอยและแสวงหา...วันหนึ่งคุณจะพบ โลกเราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่หลีกหนีธรรมชาติไปมากจนเกือบจะถึงที่สุดแล้ว ไม่ช้าไม่นาน ลูกตุ้มแห่งกาลเวลาก็จะย้อนกลับ และนำเอาความรักที่ดีงามตามธรรมชาติกลับคืนมา เธอก็หาเขาอยู่! เธอมีความรักก็หลายครั้ง เธอผิดหวัง เธอเสียใจ เธอแอบร้องไห้คนเดียว โดยไม่หวังจะให้ใครมาเห็นใจหรือปลอบใจ แต่เธอก็มีกำลังใจที่จะสู้โลกและชีวิตนี้ต่อไป... เพราะพรหมลิขิตบอกให้เธอรอที่จะพบเขา 

พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจ ฉันจึงได้มาใกล้กับเธอ... เออชะรอยคงเป็นเนื้อคู่ เคยอุ้มชูเลี้ยงดูบำเรอ แต่ครั้งแรกเมื่อพบเธอ ใจฉันเชื่อเมื่อแรกเจอ ฉันและเธอคือคู่สร้างมา

เพลง "พรหมลิขิต" ขับร้องและทำนองโดยครูเอื้อ สุนทรสนาน ปราชญ์และบรมครูแห่งวงสุนทราภรณ์ เพลงนี้เป็นที่กินใจของหนุ่มสาวในยุคหนึ่งเป็นยิ่งนัก เพราะคิดกันว่า การที่คนสองคนจะต้องมามีสัมพันธภาพกันนั้น เป็นลิขิตของฟ้า เคยเชื่อเรื่องพรหมลิขิต และบุพเพสันนิวาสบ้างไหม... ในบทเพลง บุพเพสันนิวาส นั้น ครูเอื้อขับร้องได้ไพเราะเพราะพริ้งว่า 

รักไม่มีพรมแดน รักไม่มีศาสนา แม้นใครบุญญาได้ครองกันมา พรหมลิขิตพาชื่นใจ

รักเหมือนโคถึกที่คึกพิโรธ ความรักเช่นนั้นให้โทษ อย่าไปโกรธโทษรักไม่ได้

ความรักของหนุ่มสาวในทุกยุคทุกสมัย มักจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันด่วน เรียกว่า เจอหน้าก็ปิ๊งเลย และบางครั้งก็กลายเป็นรักชั่วข้ามคืน ที่เมื่อเสร็จสมอารมณ์รักแล้ว ในเช้าวันรุ่งขึ้น ก็เหมือนคนแปลกหน้าสองคนที่มาพบกัน แล้วแยกจากกันไป คุณเชื่อในความรักไหม คุณเชื่อไหม...ว่าอำนาจของความรักมีจริง อานุภาพแห่งความรักแท้นั้น เหลือที่จะกล่าวอ้างถึงได้ เพราะในความรักแท้นั้น คุณอยากให้เขาได้ดีมีสุข อยากให้เธอเจริญก้าวหน้ามีอนาคตที่มั่นคงสดใส ปลอดภัยจากภยันตรายต่าง ๆ ที่จะมากรายใกล้ และจะคอยเฝ้าห่วงและดูแลเธอจนกว่าความตายจะมาแยกเธอไปจากเขา คนที่มีความรักแท้จะมีความสุข คนที่มีความรักแท้จะมั่นใจในความรัก เขาคนนั้นอยู่ที่ไหน... รักแท้เป็นฉันใด เธออยากที่จะรู้ ถ้าคุณเป็นเขาคนนั้น... วันหนึ่งคุณก็พบเธอ คุณรู้ทันทีว่า เธอคนนี้แหละที่รอคอยพบกับคุณอยู่ เธอเป็นคู่ของคุณ คู่ที่อาจจะตามมาพบจากชาติภพหนึ่งมายังอีกชาติภพหนึ่ง ถ้าคุณเชื่อว่า คนเรานั้นเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร คุณคงเชื่อว่าในแต่ละชาติภพหนึ่งนั้น คุณจะมีเนื้อคู่อยู่...คู่แท้ในชาติภพนั้น บางครั้งบางครา คู่รักในแต่ละชาติภพจะตามมาพบกับคุณในชาติภพปัจจุบัน!! แบบนี้เส้นลายมือที่เรียกว่า เส้นแห่งความรัก หรือบางคนเรียกว่า เส้นแต่งงานซึ่งอยู่ที่ด้านข้างมือ ใต้นิ้วก้อยคงจะมีมากกว่า 1 เส้น บางเส้นก็จบลงด้วยการแต่งงาน บางเส้นก็จบลงด้วยการแยกทางจากกันไปก่อนวันวิวาห์ บางเส้นอยู่ด้วยกันแบบใช้ชีวิตคู่สักระยะก็ต้องแยกกันไป เพื่อที่จะพบกับคู่อีกคนหนึ่ง นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า คนแรกไม่ใช่คู่แท้ หรืออาจจะเป็นแค่คู่กรรม เมื่อกรรมหมดแล้วก็ต้องแยกจากกันไป รอเวลาที่จะพบกับคู่บุญ...คู่ชีวิต เธอกับเขาที่คิดตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ ก็คงจะตอบว่า ไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้ 

แต่เธอกับเขาที่ได้รับปรากฏการณ์ตรงเหล่านั้น โดยหาคำอธิบายอย่างมีเหตุมีผลไม่ได้ก็อาจจะเชื่อว่า บุพเพสันนิวาส และพรหมลิขิตมีจริง บางคนสมหวังในความรัก บางคนผิดหวังในความรัก ไม่ว่าคุณจะสมหวังหรือผิดหวังในความรัก ก็ขออย่าให้หมดหวังในความรัก... เพราะความรักเท่านั้น ที่เป็นสิ่งค้ำจุนทุกสรรพสิ่งที่มีชีวิตในโลกนี้

รักแท้เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะไม่จืดจางหายไปจากใจของเขาและเธอ 

รักแท้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว เธอกับเขาจะคิดถึงกันตลอดไปและสม่ำเสมอ 

รักแท้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะทำให้เธอและเขามีความสุขปราศจากความระแวงในคนรัก 

รักแท้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะทำให้เธอและเขามองโลกในแง่ดี มีกำลังใจที่จะประกอบกิจการต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ 

รักแท้เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะไม่มีความเกลียด แม้จะโกรธกันบ้างตามวิสัยปุถุชน แต่ก็จะให้อภัยกันและระงับการโกรธได้อย่างรวดเร็ว 

จะหารักแท้ได้นั้น ต้องอาศัยเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ รักแรกพบอาจจะเปลี่ยนเป็นความรักแท้ได้ แต่รักแท้นั้น ส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่รักแรกพบ รักแท้เกิดจากการฟูมฟักรดน้ำพรวนดิน ต้นไม้แห่งรักให้เจริญเติบโตงอกงามผลิดอกออกผลให้เจ้าของต้นรักได้ภาคภูมิใจ เธอกับเขา เมื่อเกิดรักแท้แล้ว จะเข้าใจกัน ไว้ใจกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เคารพนับถือซึ่งกันและกัน รวมทั้งให้อภัยกันเสมอเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำอะไรผิดพลาดไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และตั้งใจที่จะไม่กระทำผิดต่อเธอและเขาผู้เป็นที่รักอีก คนที่มีรักแท้และเข้าใจกันเท่านั้นที่จะพบความสุขของการใช้ชีวิตคู่ ไม่ว่าจะอยู่รวมกันในบ้านเดียวกัน หรือแยกกันอยู่เพราะหน้าที่การงานหรือเหตุผลส่วนตัวอื่น ๆ เธอกับเขา ในความเป็นจริงแล้ว แตกต่างทั้งในทางความคิดความอ่าน รวมทั้งการแสดงออกต่าง ๆ 

จอห์นเกรย์ เขียนหนังสือพอคเก็ตบุ๊คขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เรื่อง Woman Are From Venus Men Are From Mars ก็เพราะความแตกต่างของเธอกับเขา เธอเป็นเทพธิดาผู้อ่อนหวานและน่ารักจากดาวพระศุกร์ เขาเป็นเทพบุตรนักรบผู้ห้าวหาญจากดาวอังคาร 

เธอมีความเข้มแข็งซ่อนอยู่ภายใต้ความอ่อนแอที่แสดงออกทางภายนอก เขามีความอ่อนแออยู่ลึกๆ ภายใน ภายใต้สีหน้า แววตา และร่างกายที่บึกบึนของเขา เธอและเขาต่างก็มีจุดอ่อน และจุดแข็งอยู่ในตนเอง ถ้าเธอและเขารักกันเข้าใจกันแล้ว ทั้งเธอและเขาจะสามารถช่วยปิดบังจุดอ่อนของอีกฝ่ายไว้ได้ และจะช่วยกันเสริมสร้างจุดแข็งของแต่ละฝ่ายให้แสดงออกมา ...แบบนี้ รักแท้ ไม่มีทางแพ้ใกล้ชิด


http://www.youtube.com/watch?v=ZjjlvFFK_Wk&feature=related

ขอบคุณที่มา  ::  http://www.kingdomplaza.com/article/other/news.php?nid=1396

credit : teenee.com

20 เคล็ดลับ บอกให้รู้ว่า เขารักเราจริงรึป่าว




อยากรู้ว่าคนรักของเรา รักเราจริงรึเปล่าน้า อ่าน 20 เคล็ดลับนี้ดูค่ะ 
เขาโทรหาคุณทุกๆ วันเลย เพื่อเล่าเรื่องต่างๆ ของเขาให้คุณฟัง

เขาหัวเราะให้กับมุขตลกของคุณเสมอ ไม่ว่าจะ “ขำ” หรือฝืด”

เขาบอกคุณอย่างจริงใจว่า เขาคิดถึงคุณจังเลย

เขานวดหลังให้คุณ โดยที่ไม่ขอให้คุณนวดให้เขาเป็นการตอบแทน

เขาโทรหาคุณบางช่วงของวัน เพราะเขาแค่ต้องการพูดว่า “คิดถึงคุณจัง”

เขามาหาคุณ และอยู่ข้างๆ คุณเวลาที่คุณไม่สบาย

เขามีข้อความพิเศษๆ แบบอ่านแล้วยิ้มแก้มปริให้กับคุณ

เขาชวนคุณเต้นรำในเพลงช้า

เขามีของขวัญพิเศษให้คุณเสมอ แบบไม่ต้องรอวันพิเศษใดๆ

เขาจำวันพิเศษของคุณได้เสมอ

เขาหอมแก้มคุณ เพราะอยากที่จะหอม ไม่ต้องมีเหตุผลอื่นๆ

เขาพาคุณไปเดินเล่น ดูพระอาทิตย์ตกดิน หรือดูดาวกับคุณ

เขาเล่าความลับของเขาแบบที่มีแค่เขาเท่านั้นที่ ให้คุณฟัง

เขาบอกคุณอย่างจริงใจว่า คุณดูสวยเสมอสำหรับเขา

เขายอมดูละครน้ำเน่า เรื่องโปรดของคุณเป็นเพื่อน

เขาทำให้คุณประหลาดใจ ด้วยอาหารมื้อค่ำที่ทำให้คุณประทับใจ

เขาทำให้คุณรู้สึกประทับใจเสมอ

เขาบอกรักคุณ โดยไม่หวังว่าคุณจะตอบว่าอะไร

เขาแสดงให้คุณรู้สึกได้ว่า เขาไม่เคยลืมความสำคัญของคุณเลย

เขากอดคุณเต็มอ้อมแขน เวลาที่เขาอยากกอดคุณ โดยที่ไม่ต้องรอโอกาสพิเศษใดๆ

ถ้ามีครบ 20 ข้อ รับรอง เขารักคุณหมดใจเลยค่ะ
 

FW


credit : teenee.com

25 วิธี Take Care ความรัก



ในทางตรงกันข้ามหากรักที่เคยสร้างสุข กลายมาเป็นหมดรัก ชีวิตย่อมเป็นทุกข์ ความรักที่มีจึงต้องดูแลอย่างดี เพื่อให้ความรักนั้นไม่จากไป ดังเช่น 25 วิธี ต่อไปนี้ 
1. อย่าเขินที่จะบอกรัก

2. จดจำรายละเอียดของอีกฝ่าย เช่น ชอบทานอะไร ชอบฟังเพลงแนวไหน กิจกรรมสุดโปรดคืออะไร แล้วหยิบยื่นสิ่งเหล่านี้ให้เสมอ


3. โรแมนติกอย่างรู้กาละเทศะ เลือกสถานที่ให้ถูกที่ เลือกเวลาให้ถูกเวลา เรื่องโรแมนซ์ใครก็ชอบ แต่ความพอเหมาะพอดีก็สำคัญ


4. ให้เกียรติกันและกันเสมอ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง


5. อย่าปล่อยให้อารมณ์โกรธอยู่เหนือความรักที่มี นึกถึงเรื่องดีๆ ที่เขาเคยทำให้ จะช่วยให้อารมณ์โกรธหรืออารมณ์ชั่ววูบเบาบางลง


6. เมื่อมีปัญหาควรใช้เหตุผลในการพูดคุย เป็นเรื่องธรรมดาที่คนสองคนจะมีเรื่องขัดแย้ง แต่ถ้าทั้งคู่พร้อมที่จะปรับตัวเข้าหากัน ปัญหาทั้งหลายก็จะกลายเป็นเรื่องเล็ก

7. ปล่อยให้อีกฝ่ายมีเวลาเป็นของตัวเอง การเกาะติด ควบคุมมีแต่จะทำให้ความรักจืดจางได้ง่าย ปล่อยให้อีกฝ่ายไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง รวมทั้งพยายามให้ตัวเองมีโลกส่วนตัวบ้าง จะได้ไม่อึดอัดเช่นกัน

8. พูดกันตรงๆ โดยเลือกใช้คำพูดที่ไม่ทำร้ายจิตใจ

9. มีขอบเขตในการปรับตัว แน่นอนว่าต่างฝ่ายทั้งเราและเขาต่างต้องปรับตัวเข้าหากัน แต่ควรมีขอบเขต ไม่ใช่ยอมเปลี่ยนแปลงให้เป็นแบบที่อีกฝ่ายต้อวการทุกอย่าง จนไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเอง เพราะไม่มีใครสามารถเปลี่ยนตคั้นหาคำตอบหาอีกฝ่ายยังไม่พร้อม การดึงดันให้รู้เดี๋ยวนั้น ว่าทำไม? เพราะอะไร? จะเอายังไง? เป็นการกดดันอีกฝ่ายอย่างไม่มีประโยชน์ หากอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด ควรลองถอยออกมาหนึ่งก้าว ทำใจให้สงบ รอจนกว่าทั้งสองฝ่ายจะพร้อม แล้วค่อยคุยกันใหม่ก็ยังไม่สาย

12. ดูแลตัวเองให้ดูดีเสมอ

13. ไม่ควรคาดหวังกับความรัก เพราะเป็นเรื่องความรู้สึกของคนสองคนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ และไม่มีกฏเกณฑ์ตายตัว อย่าคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ จะทำนั่นทำนี้ให้ เพราะถ้าผิดหวังจะเสียใจทั้งสองฝ่าย ควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ

14. ห้ามพูดถ้อยคำหยาบคาย จะทะเลาะกันรุนแรงแค่ไหน ก็ห้ามด่าทอกันเสียๆ หายๆ

15. ซื่อสัตย์และไว้ใจกัน

16. หาสิ่งของที่ต้องดูแลร่วมกัน เช่น เลี้ยงสัตว์ ต้นไม้ หรือกิจการเล็กๆ เพื่อสร้างความผูกพันระหว่างสองคน


17. ให้โอกาสอีกฝ่ายแก้ไขข้อผิดพลาด กับคนที่เรารักยิ่งต้องให้อภัยและให้โอกาส


18. อย่าอายที่จะขอโทษ


19. หากิจกรรมสร้างสรรค์ทำร่วมกัน เช่น ชวนกันเล่นกีฬา ไปดูงานศิลปะ เพื่อให้ความรักสดใส และได้พบสิ่งใหม่ๆ ในชีวิต


20. นึกถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายเสมอ อย่ามัวแต่คิดว่าทำไมอีกฝ่ายไม่เข้าใจเรา นอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้ว ยังทำให้เป็นคนขี้น้อยใจอย่างไม่มีเหตุผล


21. รู้สึกดีกับสังคมที่อยู่ ทั้งพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อน เพื่อยกระดับจิตใจและทำให้ภูมิใจในตัวเอง

22. อย่าปิดกั้นโอกาส เปิดตัวเองให้จักคนที่หลากหลาย จะทำให้รู้คุณค่าคนใกล้ตัวและรู้ใจตัวเอง

23. รู้จักใช้ภาษากายในการสัมผัสร่างกายของอีกฝ่าย เช่น จับมือ ลูบหลัง เพราะสามารถสื่อความในใจได้ดีกว่าคำพูดในหลายโอกาส

24. คิดถึงอนาคต แต่อย่าพูดบ่อยจนกลายเป็นการควบคุมผูกมัด พูดในจังหวะที่เหมาะสม ให้รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ในแผนการอนาคตของกันและกัน

25. รู้จักรักตัวเอง เพื่อให้สามารถรักคนอื่นได้เช่นกัน
 


FW

credit : teenee.com

วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

ผมหน้าม้า...ไร้มัน



  ต้องยอมรับว่ายุคนี้ ผมม้านั้น เป็นผมทรงยอดฮิตของสาว ๆ ทั่วบ้านทั่วเมือง นอกจากการคอยจัดแต่งรูปทรงของผมหน้าม้าให้สวย เรียงเป็นระเบียบกิ๊บเก๋แล้ว อย่าปล่อยให้ผมหน้าม้ามันแผล็บ ติดหนึบเป็นแพด้วยล่ะ เพราะมันจะทำให้คุณหมดสวยไปได้โดยง่าย ขอแนะเทคนิคที่จะทำให้ผมม้าของคุณสลวย เงางามแต่ไม่มันติดหนึบตลอดวัน

      
 ไม่ใช้คอนดิชันเนอร์กับผมหน้าม้า เอาไปบำรุงเฉพาะปลายผมก็พอแล้ว

       เลือกใช้เครื่องสำอางสูตรปราศจากน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นครีมรองพื้น หรือแป้ง เพื่อไม่กระตุ้นให้ผิวสร้างน้ำมันส่วนเกินมากขึ้น

       หากผมหน้าม้ากำลังเริ่มดูมัน อย่าไปแตะต้องมันบ่อย ๆ เพราะจะยิ่งทำให้ผมม้านั้นมันยิ่งขึ้น


ที่มา ... คู่หูเดินทาง



credit : teenee.com

ใช้แป้งแบบไหนดี?



ด้วยวิทยาการที่ก้าวหน้าของโลกปัจจุบัน ทำให้มีแป้งแต่งหน้าอยู่มากมายหลายชนิดจนอาจสร้างความสับสนให้กับคุณได้ เราเลยขอมาไขความกระจ่างเกี่ยวกับแป้งแต่ละชนิด เพื่อที่คุณจะได้เลือกหาให้ตรงกับความต้องการของคุณจริงๆ
      แป้งตลับหรือแป้งแข็ง มักเป็นแป้งที่ผสมรองพื้นมาให้เสร็จสรรพ และสะดวกต่อการพกพาไปไหนต่อไหน แต่คุณก็ต้องระวังไว้ด้วย เพราะถ้าทาแป้งชนิดนี้มากเกินไป ก็อาจทำให้ดูหนาเตอะและขาวเว่อร์ได้

      แป้งโปร่งแสง จะมีลักษณะเป็นแป้งฝุ่นสีขาวๆ ที่ทาแล้วแทบมองไม่เห็น จึงเหมาะจะใช้ทาให้ทั่วใบหน้าด้วยแปรงแต่งหน้าหรือพัฟฟ์นุ่มๆ บางชนิดอาจจะมีการเจือสีสันมาด้วย โดยมากมักเป็นสีอมชมพูหรืออมเหลือง ซึ่งเราขอแนะนำให้ใช้สีอมเหลือง เพราะจะช่วยให้ทุกสีผิวดูสวยขึ้นได้ดีกว่าสีอมชมพู

      แป้งฝุ่น จะมีให้เลือกหลายเฉดสี ซึ่งเหมาะจะใช้คู่กับครีมรองพื้นที่มีเฉดสีเดียวกัน ซึ่งควรใช้ทาบางๆ ด้วยแปรงแต่งหน้าหรือพัฟฟ์เหมือนกัน



ที่มา .. Lisa





credit : teenee.com

ทรงผมสำหรับสาวหน้าเหลี่ยม



ไม่ใช่ว่าหน้าเหลี่ยม ๆ กำลังอินเทรนด์อยู่ในขณะนี้ แต่เพราะมีสาว ๆ หลายคนที่กำลังกังวลกับใบหน้าเหลี่ยม ๆ ของตัวเอง แต่จะให้ไป เหลากระดูก ตัดกราม หรือว่าเสริมคาง ก็ไม่ใช่เรื่อง!!

     
ให้คุณสาว ๆ มั่นใจในตัวเองขึ้น
         สำหรับทรงผมที่เหมาะกับสาวหน้าเหลี่ยมก็คือ ทรงผมดัดลอนใหญ่ ๆ พอง ๆ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากกรอบหน้า จะให้ดีผมด้านข้าง ควรสไลด์ไล่ระดับ เพราะมันจะช่วยอำพรางเหลี่ยมมุมของใบหน้าคุณได้เป็นอย่างดี และยังทำให้ใบหน้าของคุณดูเรียวสวยขึ้นด้วยค่ะ

          แต่สิ่งหนึ่งที่สาวหน้าเหลี่ยมห้ามทำเด็ดขาด คือ การตัดหน้าม้าเต่อ หรือไว้ผมหน้าม้าแบบตรง ๆ ทื่อ ๆ เพราะมันจะยิ่งเน้นให้เห็น ความเหลี่ยมของกรอบหน้าคุณ ประมาณว่า... เดินมาคิดว่าจอทีวีเดินได้มาแต่ไกล (อิอิ) หากว่าอยากตัดผมหน้าม้าจริง ๆ ก็ควรตัดแล้วปัด เป๋ไปข้าง ๆ ก็เก๋ไปอีกแบบ





credit : teenee.com

พักนานเกินไป ระวังใจด้านชา ..


การลาจากๆคนๆหนึ่งหรือสถานที่แห่งหนึ่งนั้น ในขณะที่เป็นฉากแห่งความเศร้าสร้อย แต่ก็เป็นเสมือนการเริ่มต้นใหม่ไปในตัวด้วย อย่างเมื่อเร็วๆนี้ ก็มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ซึ่งพระเอกพูดกับนางเอกว่า ทันทีที่ตำนานบทหนึ่งจบลง ตำนานบทใหม่ก็เกิดขึ้นพร้อมๆกัน’ และการเริ่มต้นใหม่นั้น ถึงแม้จะไม่มีใครรู้และการันตีได้ว่า อะไรๆมันจะดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ แต่การมีความหวังและมองโลกในแง่ดีนั้น ก็จำเป็นต่อการมีชีวิตอยู่ต่อไปนะครับ ว่าแต่….เพื่อนๆทราบหรือไม่ว่า ระยะเวลาแห่งการ พักยกหัวใจ’ ที่เหมาะสมนั้น ควรจะเป็นกี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี แล้วมันมีผลอย่างไร

1. จบแบบเปลี่ยนสถานภาพ  นั่นคือการเปลี่ยนจากการเป็นแฟน ไปเป็นเพื่อน เป็นพี่ หรือเป็นน้อง อะไรก็ตาม หากแต่ยังคงติดต่อสานสัมพันธ์กันอยู่ตามเดิม เหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีเพียงสถานะเท่านั้นที่เปลี่ยนไป การจบความสัมพันธ์ในลักษณะนี้ คุณสามารถมีแฟนใหม่ได้ทันที และส่วนมากก็จะความสัมพันธ์ที่มีความสุขมากกว่าเดิมด้วย เพราะอย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่า คุณเลิกรากับคนรักเดิมแบบสร้างสรรค์ และมีวุฒิภาวะ รวมถึงไม่ได้ผิดใจกันจนต้องหาแฟนคนใหม่ หรือทำอะไรเพื่อประชดคนเก่า แต่ถ้าจะให้ดี อย่าไปคบคนใหม่ที่เป็นเพื่อนกับคนเก่าเข้าล่ะ แบบนั้นมันเข้าตำราแอบตีท้ายครัว ซึ่งไม่ต่างอะไรกับพวกมั่วสำส่อนทางเพศหรือถูกความกำหนัดครอบงำเลย



2. จบแบบยืดเยื้อ  การจบความสัมพันธ์ในลักษณะนี้ก็คือ แบบว่าอีกฝ่ายไม่ยอมตัดขาดจากคุณง่ายๆ ยังคงมีการโทรศัพท์คุย หรือหาเรื่องนัดเจอ เพื่อรักษาสถานภาพและดึงดันเอาไว้ก่อน เข้าตำราความอ่อนแอที่ยังมีอยู่ ทำให้กลัวที่จะเลิกแบบหักดิบกันไป ขอเวลาปรับตัวหรือทำใจก่อน ซึ่งอาจกินเวลานานเป็นปีเลยก็ได้ กว่าที่จะเลิกติดต่อกันไปอย่างเด็ดขาด หากคุณจบความสัมพันธ์เดิมที่จบลงในลักษณะนี้ คุณควรจะรอสัก 1 เดือนเป็นอย่างน้อย ก่อนที่จะเริ่มความสัมพันธ์ใหม่กับใคร เพราะการจบความสัมพันธ์ในลักษณะดังกล่าว ก็แสดงว่าถึงแม้คุณจะคิดไตร่ตรองดีแล้วที่จะเลิกกับอีกฝ่ายเอง เพื่อไปไขว่คว้าหาสิ่งที่ดีกว่าให้แก่ตัวเอง แต่คุณเป็นคนที่อ่อนไหวและใจอ่อนพอสมควร



3. จบแบบกะทันหัน  ควรรออย่างน้อย 3-6 เดือน ไม่ควรเริ่มความสัมพันธ์ใหม่ทันที แต่จะ 3 หรือ 6 ก็ขึ้นอยู่กับบริบทหรือสถานการณ์ย่อยดังต่อไปนี้

     3.1 จบเพราะเสียชีวิตหรือพรากจากกัน  กรณีแบบนี้ รอแค่ 3 เดือนก็เพียงพอ เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วคนเราจะมีความรู้สึกผิด หากว่าสูญเสียคนรักไป แล้วไปคบหาคนใหม่อย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณควรรู้สึกผิด แน่นอนว่าคุณอาจจะรักแฟนของคุณจริงจัง หากแต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ผู้ที่จากโลกนี้ไปแล้ว ก็ไม่รับรู้อะไรแล้ว หรือถึงจะรับรู้ หากถ้าเขารักคุณจริง เขาก็ต้องยินดีกับรักครั้งใหม่ของคุณแน่ๆ หากคุณมัวแต่รู้สึกผิดและรอนานเกินไป คุณอาจจะพลาดคนที่ดีและใช่สำหรับคุณ ที่บังเอิญผ่านเข้ามาในช่วงนี้ ไปอย่างน่าเสียดาย เพียงแต่คุณต้องเลือกคนใหม่ให้ดีๆล่ะ เพราะถึงคุณจะขจัดความรู้สึกผิดออกไปแล้ว ความรู้สึกที่อยากทำอะไรชดเชยให้คนรักเก่า ก็ยังอาจจะยังตกค้างหลงเหลืออยู่ จนอาจพยายามคว้าใครก็ได้มาเป็นตัวแทนเพื่อรับการชดเชยจากคุณ

    3.2 เลิกรากันไม่สวย  หากจบกันแบบนี้กับคนรักเก่า เรียกว่ากะทันหัน แถมยังเจ็บปวด บาดหมางต่อกัน วันสองวันคงไม่พอทำใจ เราขอแนะนำให้เว้นช่วงยาวไปเลย 6 เดือน ระหว่างนี้ให้ศึกษาและถามตนเองว่า ความรักที่เก่าจบลงไป มันให้บทเรียนอะไรแก่คุณบ้าง อะไรที่ทำให้คุณเจ็บปวดเมื่อเสียเขาหรือเธอไป อะไรที่คิดอีกทีว่า ก็ดีแล้วที่เลิกกัน’ เพื่อที่ครั้งต่อไป คุณจะได้สร้างมาตรฐานใหม่ ก่อนที่จะเริ่มมองหาและพบคนใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม ลบข้อเสียของคนเก่าออกไป แล้วเพิ่มข้อดีเป็นทวีคูณ แถมทำให้คุณลืมคนเก่าไปโดยสิ้นเชิงแทบจำหน้าแทบไม่ได้เลยก็เป็นได้



          สรุปแล้ว จะสังเกตเห็นได้ว่า มันไม่สำคัญว่าคุณควรจะเลือกแฟนใหม่หรือเริ่มความสัมพันธ์รักครั้งใหม่ ด้วยมาตรฐานเดิมหรือมาตรฐานใหม่ เพราะมันขึ้นอยู่กับสถานการณ์และบริบทที่แตกต่างกันไป ดังนั้นควรใส่ใจไปกับการสำรวจตนเองมากกว่าว่า ความสัมพันธ์เก่าของคุณที่จบลงไปก่อนหน้านั้น มันส่งผลกระทบต่อคุณอย่างไร หากมันไม่มีผลทางลบหรือกระแทกอารมณ์ใดๆ แนวโน้มที่คุณจะสามารถมีความสัมพันธ์ใหม่ที่แฮปปี้กว่าเดิม ก็มีมากขึ้น เพราะถือว่าคุณได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นแล้ว แต่หากความสัมพันธ์เดิมมันจบลงอย่างซึมเศร้า เหงาหงอย ปล่อยทิ้งให้คุณมีแต่อารมณ์ในทางลบ ก็ควรที่จะให้เวลาตัวเองยาวนานต่างกันไปตามที่ได้กล่าวมานั่นเอง
เครดิต .. แจ๊ค



credit : teenee.com

ชวนชิมอาหารเจหลากสไตล์ @เยาวราช



ต้อนรับเทศกาลกินเจประจำปี “เปิดเมนู ออนทัวร์” อาสาพาไปชม ชิม ช้อป อาหารเจย่านเยาวราช กับซุ้มอาหารมากมายเกือบ 100 ซุ้ม 
เวียนมาถึงอีกครั้งกับเทศกาลกินเจประจำปี 2554 โดยในปีนี้ สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ ได้จัดเทศกาลกินเจครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี “เทศกาลงานเจ เยาวราช ประจำปี 2554 ภายใต้แนวคิด “84 พรรษา มหามงคล” ซึ่งเทศกาลกินเจเป็นเทศกาลสำคัญของชุมชนชาวจีนย่านเยาวราช คนไทยเชื้อสายจีน และคนไทยทั่วประเทศ เพราะเมื่อถึงเทศกาลกินเจประจำปีเมื่อไหร่ ที่นี่จะเนืองแน่นไปด้วยผู้คนจากทั่วสารทิศมาจับจ่ายซื้อหาอาหารเจ

งานเทศกาลงานเจ เยาวราช ประจำปี 2554 ถือเป็นประเพณีประจำปีของชาวเขตสัมพันธวงศ์ ซึ่งได้ร่วมจัดงานขึ้นโดยหลายภาคส่วน ถือเป็นกิจกรรมทางพุทธศาสนา และประเพณีวัฒนธรรมอันดีงาม อีกทั้งยังเป็นกิจกรรมงานบุญมหากุศล ที่เปิดโอกาสให้ประชาชน พุทธศาสนิกชน และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ ได้เดินทางมาร่วมพิธีกรรมสักการะสิ่งศักดิสิทธิ์ และจับจ่ายซื้อหาอาหารเจที่มีให้เลือกมากมายรับประทานร่วมกัน

สำหรับนักท่องเที่ยว หรือนักชิมที่อยู่ในช่วงถือศีลกินเจ และคิดไม่ออกว่าจะไปหาอาหารเจทานที่ไหน แนะนำว่าให้เดินทางมาที่ เทศกาลงานเจ เยาวราช แล้วทุกคนจะได้พบกับซุ้มขายอาหารมากมายที่ทางผู้จัดงานเตรียมไว้ต้อนรับกว่า 100 ซุ้ม มีให้เลือกตั้งแต่ของทานเล่น อย่าง เผือกทอด มันทอด ปาทองโก๋ เกี๊ยวซ่าเจ โรตีเจ ซูชิเจ ขนมจีบเจ ก๋วยเตี๋ยวหลอดเจ ฯลฯ หรือจะเป็นอาหารจานหลัก อย่าง ขนมจีนเจ อาหารราดแกงเจ ส้มตำเจ กระเพราะปลาน้ำแดงเจ ฯลฯ 

หลังจากที่เดินสำรวจดูจนเกือบครบทุกซุ้ม ขอแนะนำคนที่กำลังกินเจอยู่ว่าไม่ควรพลาดมาลิ้มรสอาหารเจหลากสไตล์ใน เทศกาลงานเจ เยาวราช ครั้งนี้ เพราะนอกจากทางเลือกที่หลากหลาย และความอร่อยแล้ว ราคาอาหารของแต่ละร้านก็ไม่แพงอย่างที่ทุกคนคิด พกเงินมาไม่ต้องมากก็สามารถเดินทานอาหารเพลินๆไปได้หนึ่งมื้อ ทั้งของทานเล่น อาหารจานหลัก และของหวาน

ภายในงานยังมีกิจกรรมให้ผู้เข้าร่วมงานร่วมสนุกมากมาย อาทิ ผู้ที่ไปไหว้พระบริเวณซุ้มประตู มีสิทธิ์ได้ลุ้นรับทองคำแท้ 9 เส้นทุกวัน ซึ่งทองทั้ง 9 เส้นจะผ่านพิธีกรรมศักดิสิทธิ์ที่ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติทุกคืน และกิจกรรมจับรางวัลรับของรางวัลมากมาย ฯลฯ 

ใครที่กำลังมองหาของอร่อยทานในช่วงเทศกาลกินเจ พร้อมอยากร่วมทำบุญเสริมสิริมงคลครั้งใหญ่ อย่าลืมแวะเวียนมาที่ “เทศกาลงานเจ เยาวราช ประจำปี 2554”
 ตลอด 10 วัน 9 คืน ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน – 5 ตุลาคม 2554 ณ บริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนเยาวราช
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์


credit : teenee.com

เผยรังนก 10 กระปุก ประโยชน์เท่าไข่ต้มใบเดียว



กมธ.คุ้มครองผู้บริโภคตั้งคณะทำงานศึกษารังนก ซุปสกัด มีประโยชน์จริงหรือ เทียบรังนก 10 กระปุกมีประโยชน์เท่ากับไข่ต้มใบเดียว พ่วงชาเขียว อย.เผยขอความร่วมมือไม่ตั้งตู้ขายในโรงเรียน
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคไทยรักไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่าที่ประชุมกรรมาธิการ ได้พิจารณาเครื่องดื่มประเภทรังนก เนื่องจากในเครื่องดื่มรังนกมีเปลือกไม้ลักษณะคล้ายวุ้นเป็นส่วนผสมอยู่ด้วย แต่อัตราส่วนของรังนกมีอยู่ประมาณ 0.1 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าน้อยมากสิ่งที่กรรมาธิการมีความเป็นห่วงมากคือไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หากเปรียบเทียบจะพบว่ารังนก 10 กระปุก เท่ากับรับประทานไข่ต้มเพียงใบเดียว!
นายวิชาญ กล่าวว่า กรรมาธิการจึงมีมติตั้งคณะทำงานขึ้นมาคณะหนึ่ง โดยมี นพ.เฉลิมชัย เครืองาม เป็นประธาน เพื่อศึกษาเรื่องดังกล่าว รวมทั้งประเภทซุปไก่สกัดต่าง ๆ ด้วยว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายจริงหรือไม่ นอกจากนี้ ยังได้ติดตามผลการศึกษาเครื่องดื่มประเภทชาที่มีราคาค่อนข้างสูง แม้ผู้ประกอบการจะลดขนาดของขวดให้เล็กลงแต่ราคายังคงเดิม
ทั้งนี้ จากการเชิญองค์การอาหารและยา (อย.) มาชี้แจงเรื่องดังกล่าวยังระบุว่าไม่บริโภคชาเขียว เพราะรู้ว่าชาเขียวไม่มีประโยชน์แต่ก็ยังให้ดื่ม พร้อมทั้งได้ทำหนังสือไปถึงโรงเรียนทุกแห่งเพื่อขอความร่วมมือไม่ให้ติดตั้งเครื่องเพื่อขายเครื่องดื่มดังกล่าวด้วย





ทำดีหรือไม่ดี ก็เป็น = ขี้ปากชาวบ้าน




ทำดีหรือไม่ดี ก็เป็น = ขี้ปากชาวบ้าน
มีแฟนหลายคน = ฮ้า ก้อมันเจ้าชู้

มีแฟนคนเดียว = กลัวแฟนละซี

ไม่มีแฟน = เกย์


เห็นผู้หญิง แล้วเดินเข้าไปจีบ = อ่ายหน้าม่อ

เห็นผู้หญิง แล้วมองตาม = มัวแต่มองอยู่นั่นละ จะได้กินมั๊ยเนี่ย?

เห็นผู้หญิง แล้วทำเฉยเสีย = เกย์ชัวร์


มีแฟนแก่ = กะ เกาะเขากินละซี

มีแฟนอ่อน = อิ หลอกเด็ก

มีแฟนวัยใกล้กัน = ดูซิแม้แต่เพื่อน มันยังไม่เว้น


มีแฟนแล้ว ตกเย็นไปกินข้าวกะแฟน = มันเห็นแฟนดีกว่าเพื่อน

มีแฟนแล้ว ตกเย็นไปกินข้าวกะเพื่อน = มันเห็นเพื่อนดีกว่าแฟน

มีแฟนแล้ว ตกเย็นไม่กินข้าวกะใคร = มันมีชู้


ชอบนัดเจอกัน กะเพื่อนหญิงสนิท = มันนอกใจ ชัวร์

ชอบนัดเจอกัน กะเพื่อนชายสนิท = เกย์ชัวร์

ชอบนัดเจอกัน กะเพื่อนทั้งชายและหญิงสนิท = มันชอบเล่นหมู่ ชัวร์



จูงมือแฟน ตอนกลางวัน = ดูมัน ไม่อายแม้กระทั่งพระอาทิตย์

จูงมือแฟน ตอนเลิกงานตอนเย็น = ดูมัน เหม่ ยังกลางวันแท้ๆ

จูงมือแฟน ตอนกลางคืน = ดูมัน เดี๋ยวมันจะต้องมีอะไรกันแน่ๆ


เดินนำหน้าแฟน เข้าห้าง = มันไม่รู้จักคำว่า lady first รึไง

ให้แฟนเดินนำหน้า เข้าห้าง = มันจะให้แฟนเปิดประตูให้ รึไง

เดินเข้าห้าง พร้อมกันกะแฟน แล้วเปิดประตูให้แฟน = โคตรเว่อเลยว่ะ



ให้แฟนตัดสินใจ = อ๊ะ กลัวเมีย

ร่วมคิดกะแฟนก่อนตัดสินใจ = อ๊ะ ไม่กล้าตัดสินใจ

ตัดสินใจเอง = อ๊ะ เผด็จการ


แฟนไม่สวย = หาได้แค่นี้ ละว๊า

แฟนหน้าตาธรรมดา = ก็หน้าตาธรรมดา งั้นๆ

แฟนสวย = มันไม่สมกันนิหว่า


credit : teenee.com

โรคคิดถึง






โรคนี้จะเกิดกับคนที่อ่อนแอทางจิตใจขั้นรุนแรง
อาการเบื้องต้นของโรคนี้เริ่มจากเชื้อพาหะจะเข้ามาใกล้
สร้างความสนิทสนมกันตามประสาคนรู้จัก
แต่จะส่งผลถึงคลื่นไฟฟ้าในสมอง
ซึ่งจะแปรเปลี่ยนคลื่นความถี่จากความรู้สึกธรรมดาฉันท์เพื่อน พี่ น้อง
ให้เป็นตามที่ใจตนเองต้องการ

ต่อจากนั้น เมื่อเชื้อโรคได้เข้าสู่ร่างกายแล้ว
จะกระจายตัวอย่างรวดเร็วด้วยระยะเวลาอันสั้น

ซึ่งจะแปรตามความสัมพันธ์ที่มีมากหรือน้อยระหว่างผู้รับเชื้อกับผู้แพร่เชื้อ
ยิ่งมีมาก เชื้อก็จะยิ่งแพร่กระจายได้ไกล
โดยที่สภาพอากาศมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้ด้วย ฤดูฝน มีคนโทรมาห่วงว่ากลัวจะเป็นหวัด : เชื้อโรคแพร่ไวขึ้น 30%
ฤดูหนาว มีคนสัมผัสมือแก้หนาว : เชื้อโรคแพร่ไวขึ้น 70%
ฤดูร้อน มีคนชวนไปเที่ยวทะเล : เชื้อโรคแพร่ไวขึ้น 25% 

อาการของโรคนี้ โดยมากแล้วจะเริ่มจากการคิดเข้าข้างตัวเอง
จากนั้นก็จะเริ่มมีอาการอ่อนแอทางจิตใจมากขึ้นเรื่อยๆ

จะส่งผลกระทบต่อไปถึงชีวิตประจำวัน เช่น ตื่นสายเพราะมัวคุย

ทางองค์การอนามัยโลก
จัดให้เป็นโรคที่อันตรายอีกโรคหนึ่ง

เพราะได้มีผลกระทบต่อทั้งตัวผู้ติดเชื้อเอง
ทั้งร่างกายและจิตใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผลการวิจัยของสถาบันการแพทย์ชั้นนำ
ได้ข้อสรุปตรงกันว่า
 โรคแพ้ความใกล้ชิดนั้น 
อาการจะรุนแรงมากหรือน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับตัวผู้รับเชื้อเอง
หากเกิดอาการอ่อนแอทางจิตใจยิ่งมีมากเท่าไหร่

อาการของโรคนี้ก็จะน่ากลัวมากยิ่งขึ้น
ผลกระทบจากโรคนี้คือ เมื่อเชื้อโรคได้แพร่เข้าสู่หัวใจโดยทางเส้นเลือดนั้น
จะทำให้เกิดอาการท้อแท้ หมดหวัง สิ้นหวัง โทษตัวเอง น้อยใจชีวิต
ปัจจุบันนี้ ทางการแพทย์ยังไม่สามารถที่จะหาวัคซีนป้องกันได้
เพราะเนื่องจากเชื้อนี้เป็นไวรัส ไม่สามารถฆ่าให้ตายได้

ทำให้โรคนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะเป็นๆ หายๆ
ไม่สามารถระบุได้ว่าจะเป็นอีกเมื่อไหร่ และจะหายเมื่อไหร่

ขึ้นอยู่กับผลกระทบที่เกิดขึ้นว่ารุนแรงมากน้อยเพียงใด
แพทย์หลายท่านระบุว่า " เวลา"
จะเป็นยารักษาโรคนี้ได้ดีที่สุด


From : FW Mail

credit : teenee.com

ต้นรัก




ต้นรักนี้เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งที่แสนจะวิเศษกว่าต้นไม้ใดใดในโลกเป็นต้นไม้ชนิดเดียวที่ไม่สามารถจับต้องมองเห็นได้ 
เป็นต้นไม้แห่งการเยียวยารักษา เป็นต้นไม้ที่แสนจะบอบบาง อ่อนแอ
 
แต่ก็แข็งแกร่งในตัว...
 
ทุกคนล้วนมีต้นรักอยู่ในใจ แต่ก่อนที่จะเป็นต้นได้
 
ก่อนอื่นทุกคนต้องมีเมล็ดพันธุ์แห่งรักเสียก่อน
 
จากนั้นก็หว่านเมล็ดนั้นลงในกระถางแต่ละใบ
 
ซึ่งกระถางเหล่านั้นบ่งบอกถึงสถานะภาพของต้นรักแต่ละต้น
 
จากนั้นเราถนอมเลี้ยงจนกลายเป็นต้นอ่อน
 
สุดท้ายกลายเป็นต้นรักที่สูงใหญ่ หยั่งราก แผ่กิ่งก้านสาขาออกไป
 
คุณเคยมีต้นรักมั๊ย ?
 
ต้นรักที่ทำให้คนรอบข้างได้สัมผัสถึงร่มเงาแห่งความอบอุ่นและเย็นใจ
 
กิ่งใบที่ไหวอย่างอ่อนโยน กลิ่นไอแห่งรักที่ละมุนละไม
 
เราทุกคนสามารถปลูกต้นรักได้หลายๆต้นไม่จำกัด
 
ยิ่งปลูกมากเท่าไหร่ยิ่งดี
 
แต่ต้นรักนี้มีความพิเศษตรงที่ปลูกและตายง่าย
 
เลี้ยงให้โตและยืนยาวยาก
 
ต้นรักทุกต้นล้วนมาจากเมล็ดพันธุ์แห่งรักเหมือนกัน
 
แต่จะต่างกันตรงที่สถานะที่คนปลูกเจาะจงปลูกในแต่ละกระถาง
 
บางต้นปลูกไว้ในกระถางสำหรับคนพิเศษ
 
บางต้นปลูกลงในกระถางของพี่ชายที่แสนดี
 
บางต้นเป็นต้นรักของพ่อหรือแม่ หรือเพื่อนๆ ฯลฯ
 
บางทีเราปลูกต้นรักลงในกระถางสำหรับคนพิเศษ
 
แต่เลี้ยงไปเลี้ยงมามันไม่พิเศษอย่างที่คิด
 
นานวันเข้าต้นใบก็เหี่ยวเฉา
 
มันส่งสัญญาณเตือนเราว่าเปลี่ยนกระถางเถอะ
 
ถ้าฉันได้ไปอยู่ในกระถางของพี่ชายที่แสนดี
 
หรือน้องสาวที่น่ารักแล้วล่ะก็ ฉันจะสวยงามมากกว่า
 
ถ้าเป็นอย่างนี้เราก็คงต้องรีบเปลี่ยนกระถางให้มันก่อนที่มันจะตาย
 
เพราะถ้าเรายังฝืนต่อไป ต้นรักที่เรากว่าจะเลี้ยงได้งดงามอย่างนี้
 
สุดท้ายคงเหลือแต่ตอเป็นแน่
 
พอย้ายไปแล้ว...วันดีคืนดีนึกอยากจะย้ายมันกลับมากระถางใบเก่า
 
ก็คงต้องระวังหน่อยล่ะ
 
เพราะตอนย้ายครั้งที่แล้วรากมันยังช้ำอยู่เลย
 
ก็คงต้องดูก่อนว่ารากมันแข็งแรงแล้วรึยัง
 
มันพร้อมรึเปล่าที่จะย้ายกระถางครั้งใหม่
 
ต้นรักบอบบางเกินกว่าที่จะย้ายกระถางไปมาหลายๆครั้ง
 
ดังนั้นหากคิดจะย้ายครั้งใดก็ต้องคิดให้ดีดี
 
อย่าเลย...อย่าคิดที่จะถอนต้นรักทิ้งหากมันอยู่ผิดกระถาง
 
เพราะกว่าต้นรักจะโตมันได้ใช้เวลาและความทุ่มเทกายใจไปมากมาย
 
ทะนุบำรุงต้นรักนั้นต่อไปเถิด ให้มันโตในที่ที่มันควรอยู่
 
หากไม่สามารถอยู่ในกระถางที่เราอยากให้อยู่ได้ ก็จงนำมันปลูกลงดิน
 
เพื่อให้ต้นรักนั้นได้ให้ร่มเงา
 
ให้ความอ่อนโยนและความสวยงามแก่ผู้คนที่ผ่านไปมา
 
คงน่าเสียดายทีเดียว...หากต้นรักที่เราอุตส่าห์ลงแรงปลูกเป็นปี
 
ต้องถูกโค่นลงเพียงชั่วข้ามคืน


------------------------------






credit : teenee.com

6กลิ่นหอมกระตุ้นการเรียนรู้


อัศจรรย์! พลังกลิ่นหอมจากธรรมชาติ ช่วยจำดี มีสมาธิเปิดรับสิ่งใหม่ สร้างความจำระยะยาวช่วงหลับลึก

กลิ่นหอมจากดอกไม้ หรือพืชสมุนไพรบางชนิด นอกจากจะบำบัดจิตใจ เปลี่ยนความอ่อนระโหยโรยแรงกลับกลายเป็นความสดชื่นแล้ว
 ผลวิจัยในต่างประเทศยังพบว่า ขณะนอนหลับความจำจะถูกประสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของ “กุหลาบ” สามารถกระตุ้นกระบวนการดังกล่าว ส่งผลต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ดีขึ้น

นอกจากกุหลาบแล้ว ยังมีอีก 5 กลิ่น ที่ให้ความหอมละมุนระหว่างวัน ช่วยเสริมพลังสมองเช่นกัน

โดย “กลิ่นโรสแมรี่ และ เปปเปอร์มินท์” กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของการพูด ฟัง และมองเห็น ขจัดความรู้สึกเฉื่อยชา กระตือรือร้นต่อการเรียนรู้จดจำเรื่องราว และส่งเสริมให้ความจำดีขึ้น

“กลิ่นลาเวนเดอร์ มะนาว และส้ม”
 กระตุ้นการหลั่งสารสื่อประสาท ช่วยลดความตึงเครียด วิตกกังวลน้อยลง
“กลิ่น” สามารถถ่ายทอดไปยังสมองได้เร็วกว่ากระแสประสาทชนิดอื่น จึงนิยมสกัด หรือแปรรูปจากดอกไม้-ส่วนต่าง ๆ ของพืชสมุนไพรข้างต้น แล้วนำความหอมอ่อน ๆ มาเป็นปัจจัยหนึ่งช่วยปรับอารมณ์-ความรู้สึกให้อยู่ระดับสมดุล พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่.
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เคล็ดไม่ลับสำหรับการแต่งหน้าให้ติดทนนาน


แต่งหน้า

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


         สาว ๆ เกือบทุกคนเวลาจะออกไปนอกบ้านกับเพื่อน ๆ หรือแม้แต่งานตอนค่ำ ก็มักจะใช้เวลาอยู่หน้ากระจกซะนานสองนาน เรียกว่าเช็คความสวยกันจนให้แน่ใจว่า เครื่องสำอางบนใบหน้านั้นจะไม่ลบเลือนได้อย่างง่าย ๆ แต่ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่นอกจากจะเช็คความสวยแล้ว ยังลงเครื่องสำอางจนหนา และซ้ำ ๆ กันไปมาหลายชั้นเพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องสำอางจะติดทนนานแล้วล่ะก็ ฟังทางนี้เลยค่ะเพราะวันนี้กระปุกดอทคอมมีวิธีแต่งหน้าที่ถูกต้อง ที่ทำให้คุณไม่ต้องมาเติมแป้งเติมเครื่องสำอาง หลังจากออกนอกบ้านมาฝากกัน แถมยังประหยัดเวลาได้อีกเยอะด้วยนะ ว่าแล้วก็ไปดูกันเลยค่ะว่ามีอะไรบ้าง

การลงรองพื้น/แป้ง

         เลือกใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ หรือครีมให้เหมาะกับสภาพผิว เพราะมันมีผลต่อเครื่องสำอางบนใบหน้านั่นเองค่ะ โดยเฉพาะสาวผิวมัน ไม่ควรใช้ครีมที่ทาแล้วหน้ามันอาบ เพราะเมื่อคุณลงเครื่องสำอางไปแล้ว ต่อให้ลงแป้งหน้ายังไง ไม่นานมันก็จะเลือนหาย กลับมามันเหมือนเดิม

         ในการลงมอยซ์เจอไรเซอร์ หรือครีมก่อนลงรองพื้น ควรทาครีมแล้วทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีก่อน ให้ครีมซึมซาบเข้าสู่ผิว จากนั้นจึงลงรองพื้นได้ตามปกติ

         ลงรองพื้นที่มีเนื้อละเอียดแต่สามารถปกปิดได้มิดชิด เพราะรองพื้นประเภทนี้จะทำให้ผิวหน้าดูเป็นธรรมชาติ และสำหรับสาวผิวมัน ก็ควรเลือกรองพื้นที่ไม่มีเนื้อมัน เพราะจะยิ่งทำให้หน้ามันกันไปใหญ่

         อย่าลงรองพื้นหนาเกินไป เพราะเมื่อเหงื่อออกบนใบหน้าแล้ว มันจะมาอุดตันรูขุมขน ทำให้ดูเป็นจุดเล็ก ๆ เต็มไปหมด ไม่เป็นธรรมชาติเลยล่ะ และที่สำคัญ การทารองพื้นที่ถูกต้องนั้น คือการตบเบา ๆ ลงไปบนใบหน้า ไม่ใช่การนวดให้ซึมซาบเข้าไปในผิวนะจ๊ะ ไม่อย่างนั้นคุณจะได้ผิวหน้าที่อุดตันไปด้วยรองพื้นเช่นเดียวกันค่ะ

         การลงแป้งหลังรองพื้นนั้น ให้ลงบาง ๆ ก่อน เพราะอย่างไรคุณก็จะต้องลงแป้งอีกชั้นหลังจากแต่งหน้าเสร็จอยู่แล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้เนื้อแป้งบนใบหน้าดูหนาจนเกินไปค่ะ

การแต่งดวงตา

         อายไพรเมอร์ เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ สำหรับการแต่งหน้าให้ติดทนนาน ดังนั้นก่อนลงอายชาโดว์ทุกครั้ง อย่าลืมลงอายไพรเมอร์ก่อนเลยเชียว

         เลือกใช้อายชาโดว์เนื้อฝุ่นแทนการใช้อายชาโดว์เนื้อครีม เพราะนอกจากเนื้อจะไม่มันแล้ว ยังไม่มากองรวมกันที่รอยพับตาด้วย

         ในฤดูฝน ควรใช้มาสคาราแบบกันน้ำ จะช่วยให้มาสคาราไม่เลอะเปรอะเปื้อนใต้ตาค่ะ

         ในการลงอายไลเนอร์ ควรลงอายไลเนอร์แบบดินสอแล้วทาทับด้วยแป้งบาง ๆ จากนั้นกรีดซ้ำอีกรอบ

การทาปาก

         ลงรองพื้นให้ทั่วปาก แล้วอย่าลืมเขียนขอบปากทุกครั้งก่อนจะลงลิปสติก

         หลังจากเขียนขอบปากแล้วให้ลงลิปสติกก่อน 1 ชั้น จากนั้นเม้มปากกับกระดาษทิชชู ก่อนใช้แป้งทาบาง ๆ แล้วลงลิปสติกอีกครั้ง จะช่วยให้ลิปสติกติดทนนานค่ะ

         ส่วนวิธีการปัดบลัชออนนั้น คุณสามารถเลือกใช้บลัชออนเนื้อครีมหรือฝุ่นได้ตามถนัด แต่ให้ปัดก่อน 1 รอบ จากนั้นลงแป้งให้ทั่วไปหน้าเพื่อทำให้เครื่องสำอางทุกอย่างติดทนนาน แล้วเมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนทุกอย่างค่อยลงบลัชออนอีกครั้งค่ะ

         เพียงเท่านี้ สาว ๆ ก็เตรียมพร้อมออกไปดินเนอร์ หรือไปงานต่าง ๆ ในตอนค่ำแล้วค่ะ