วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ถนอมดวงตาด้วยวิธีง่าย ๆ




ถนอมตาสวย ด้วยวิถีธรรมชาติ
         เมื่อพูดถึงการดูแลผิว ไม่ว่าผิวส่วนไหน ก็แน่นอนอยู่แล้วค่ะว่าจะต้องเกี่ยวพันกับสุขภาพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่ผิวรอบดวงตา ที่เมื่อใดที่เราเริ่มมีปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะเมื่อร่างกายเกิดอาการ ธาตุไฟไม่สมดุล ผิวบริเวณนี้จะได้รับผลกระทบก่อนใครเพื่อนเลยทีเดียว
         อาการธาตุไฟไม่สมดุลนี้ สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย โดยสิ่งกระตุ้นจากอากาศและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่รายล้อมอยู่รอบตัวเรา รวมไปทั้งปัจจัยความเครียด และความเหนื่อยล้าจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นสาเหตุสำคัญที่จะทำให้บริเวณรอบๆดวงตาเป็นรอยหมองคล้ำและบวมแดง เห็นได้ชัดกว่าผิวบริเวณอื่น เพราะผิวส่วนนี้มีความละเอียดอ่อนและบอบบางมากกว่าผิวบริเวณอื่นๆ และยังเป็นบริเวณที่มีเส้นประสาทและเซลล์ต่างๆอยู่เป็นจำนวนมาก จึงถูกทำร้ายได้ง่าย ซ้ำร้ายยังไวต่อการร่วงโรยเป็นพิเศษซะอีกด้วย และบางที การที่คุณทำความสะอาดผิวหรือเมคอัพรอบดวงตาอย่างไม่ระวัดระวังหรือหนักมือเกินไป ก็เป็นการทำร้ายผิวได้พอๆ

         ปัจจุบันนี้ แม้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลรอบดวงตาโดยเฉพาะ แต่ถึงอย่างไร เราก็ยังต้องพึ่งการดูแลด้วยธรรมชาติควบคู่ไปพร้อมๆกัน 
         วิธีการดูแลสุขภาพผิวรอบดวงตามีอยู่หลายข้อทีเดียว ซึ่งสามารถนำไปปฏิบัติกับตัวเองได้อย่างง่ายๆ
เคล็ดลับคงความอ่อนเยาว์ให้ดวงตาดูสวยสดใส
    - ควรตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกๆ 2 - 4 ปี แต่สำหรับผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไปแล้ว ควรจะตรวจให้บ่อยขึ้นคือทุกๆ 1 - 2 ปี
    - สำหรับผู้ที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นประจำ ควรเริ่มฝึกนิสัยในการพักสายตา โดยการมองออกไปไกลๆ ทุกๆ 10 - 15 นาที
    - ควรสวมแว่นตาดำที่สามารถปกป้องและกรองแสงยูวีได้ ทุกครั้งที่ต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งที่มีแดดจัดจ้า
    - ปกป้องและระวังไม่ให้ดวงตาสัมผัสกับควันและฝุ่นละอองต่างๆโดยตรง

อาหารเสริมเพื่อดวงตาสดใส    - รับประทานผัก ผลไม้ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti Oxidant) ในปริมาณสูง เช่น ผลบลูเบอร์รี่ ผักใบเขียว และแครอท ซึ่งจะช่วยลดอันตรายจากอนุมูลอิสระในแสงแดดที่ทำลายจอตา และช่วยลดปัญหาตาบอดจากจอประสาทตาเสื่อมได้ อีกทั้งช่วยให้สายตาทำงานดีขึ้นในที่มืด และมีความไวในที่แสงน้อยๆดีกว่า
    - รับประทานผักที่มีสารลูทีน (Lutien) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารแคโรทีนอยด์ชนิดหนึ่ง มีสีเหลือง พบมากในพืชผักที่มีสีเหลืองและสีเขียวเข้ม เช่น ผลอะโวคาโด บร็อคโคลี่ ข้าวโพด ฟักทอง ผักโขม และผักกวางตุ้ง เหล่านี้ล้วนเป็นสารธรรมชาติที่พบมากในตาบริเวณจุดรับภาพและจอประสาทตา ทำหน้าที่ช่วยกรอง หรือป้องกันรังสีจากแสงแดด ช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตา ไม่ให้ถูกทำลาย โดยการต้านอนุมูลอิสระพร้อมทั้งกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลายดวงตา
    - รับประทานสารสกัดของโอเมก้า 3 หรือรับประทานปลาชนิดต่างๆ

เคล็ดลับการนวดกดจุดเพื่อผ่อนคลาย บริเวณรอบดวงตา
    1. ใช้ปลายนิ้วชี้ กลาง และนาง ยืดคิ้วออกทางด้านข้าง 3 ครั้ง
    2. ใช้นิ้วกลางของทั้งสองข้าง หมุนวนรอบดวงตาพร้อมๆกัน ในลักษณะวนตามเข็มนาฬิกา และแต่ละครั้งให้หยุดกดที่บริเวณหัวคิ้ว ทำแบบนี้ซ้ำทั้งหมด 60 รอบ
    3. ใช้นิ้วกลางกดจุดไล่ตั้งแต่หัวคิ้วไปถึงขมับ 3 รอบ
    4. กดจุดไล่ลงมาที่บริเวณใต้ตา ไล่ตั้งแต่หัวตาไปถึงหางตา 3 รอบ
    5. ใช้นิ้วกลางนวดที่บริเวณขมับ หมุนเป็นรูปเลขแปด ทำซ้ำทั้งหมด 6 รอบ
    6. ทำซ้ำข้อ 2 - 5 ทั้งหมด 3 รอบ
    7. นำมือทั้งสองข้างปิดที่ดวงตา โดยลากน้ำหนักลงที่ปลายนิ้ว ออกไปที่ด้านข้างกรอบหน้า แล้วจึงค่อยๆ ยกฝ่ามือออกจากใบหน้า

ถนอมดวงตาด้วยวิธีง่าย ๆ

ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญต่อการมองเห็น และการรับรู้สิ่งต่าง ๆ บนโลก ดวงตานั้นมีความอ่อนโยน และบอบบาง จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการดูแลรักษาเป็นพิเศษ วันนี้ก็เลยถือโอกาสนำวิธีการถนอมดวงตาแบบง่าย ๆ มาให้ลองปฏิบัติกัน

1. ควรใช้สายตาที่มีแสงสว่างเพียงพอและหลีกเลียงการเพ่งมองเป็นเวลานาน ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดตาได้
2. ควรสวมแว่นตากันแดดทุกครั้งที่อยู่ในที่มีแสงจ้า
3. ควรหลีกเลี่ยงการใช้มือสกปรกขยี้ตา หรือใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า เพราะอาจจะมีเครื่องสำอางที่ตกค้างอยู่บนผ้าเช็ดหน้า มาทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบได้
4. กรณีที่ใช้สายตานาน ๆ เช่น อ่านหนังสือ ก็ควรหาช่วงพักผ่อนสายตา ด้วยการทอดสายตาออกไปไกล ๆ หรือมองต้นไม้สีเขียวบ้าง
5. การนอนอย่างเพียงพอในห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี เป็นการพักผ่อนสายตาที่ดี
6. การแต่งหน้าอาจทำให้เกิดถุงใต้ตา และรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย เนื่องจากเนื้อครีมเข้มข้นอาจใช้แรงกดในการทา ซึ่งทำให้เกิดริ้วรอยได้ ดังนั้นควรหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติบำรุงผิวหน้าและผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ ต้องมีเนื้อครีมที่บางเบา ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง
7. ถ้าดวงตาเกิดอาการบวมแดงหรือดูอิดโรยไม่สดใส ให้ใช้สำลีชุบน้ำเย็นหรือผ้าห่อน้ำแข็ง มาวางไว้บนเปลือกตาทั้งสองข้าง เพื่อช่วยให้อาการดีขึ้น
8. บริหารดวงตา โดยการกรอกลูกตาไปมาเป็นวงกลม เริ่มจากตามเข็มนาฬิกาครบหนึ่งรอบ แล้วกรอกทวนเข็มนาฬิกา ทำอย่างนี้ซ้ำ ๆ กัน วันละ 2-3 ครั้ง หรือนอนหงายหรือนั่งหลับตาสักพัก แล้วใช้แตงกวาฝานเป็นชิ้นบาง ๆ นำมาแปะไว้บนเปลือกตาทั้งสองข้าง เมื่อลืมตาขึ้นมาจะทำให้ดวงตาดูมีชีวิตชีวาขึ้น






credit : teenee.com

แต่งตาอย่างไรให้สะกดใจชาย





อุปกรณ์ ดินสอเขียนคิ้ว
 ชุดแปรงใช้แต่งดวงตา เช่น พูกันปัดคิ้ว พู่กันทาอายแชโดว์
 ดินสอเขียนขอบตา
 อายไลเนอร์
 คอตตอนบัด
 ที่ดัดขนตา

ขั้นตอนก่อนสวย
 เริ่มแรกด้วยการพิจารณาดูว่าดวงตาของคุณเล็ก ใหญ่ ชิดกัน หรือว่าห่างกันแค่ไหน เมื่อวิเคราะห์ได้แล้ว ทีนี้ก็อยู่ที่คุณว่าจะแต่งดวงตาเพื่อสบตาปิ๊งชายหนุ่มเล่น หรือเพื่อให้ตัวเองดูสวยขึ้น

ถ้าคุณมีดวงตาเล็ก ให้ใช้สีอายแชโดว์สีเข้มไล้บริเวณหางตา แล้วค่อยเบจสีให้อ่อนลงไปทางหัวตา แล้วใช้ดินสอเขียนขอบตาสีดำเขียนให้ชิดโคนขนตาให้มากที่สุด โดยเริ่มเขียนจากบริเวณหางตามาจรดหัวตา หากเส้นดินสอยังเลอะไม่สม่ำเสมอ ให้คุณใช้คอตตอนบัดเกลี่ยให้เนียน แล้วใช้พู่กันปลายเล็กทาอายแชโดว์สีเดียวกับดินสอ ทาทับลงไปบนเส้นดินสออีกครั้ง เพื่อลดความแข็งกระด้างของเส้นดินสอ

ส่วนขอบตาล่างใช้ดินสอเขียนขอบตาที่มีสีอ่อนกว่าดินสอเขียนขอบตาบน โดยเริ่มเขียนตั้งแต่ หางตา (ให้ชิดกับหางตาบน) มาในระยะ 2/3 ของตาแล้วหยุดพักไว้ แล้วใช้พู่กันปลายแหลมเล็กทาสีอายแชโดว์สีเดียวกับดินสอเขียนขอบตา ทาทับเส้นดินสอที่เขียไว้อีกครั้ง

 ใช้ที่ดัดขนตาตัดขนตา เริ่มตั้งแต่โคนขนตา กลางขนตา และปลายขนตา แล้วใช้มาสคาร่าสีดำหรือน้ำตาล ถ้าปัดขนตาบนให้คุณมองต่ำๆแล้วจับมาสคาร่าเป็นแนวนอน ปัดจากโคนขนตาด้านล่างไปจนถึงปลายขนตา ปัดซ้ำไปซ้ำมาจนขนตาคุณดูยาว ส่วนขนตาล่างให้คุณตั้งมาสคาร่าขึ้น แล้วปัดมาสคาร่าทั่วทุกเส้นขนตา หากมาสคาร่าจับกันเป็นก้อน ใช้แปรงปัดคิ้วที่มีลักษณะคล้ายหวี หวีเส้นขนตาให้แยกออกจากกัน
 ไม่ควรเขียนเส้นอายไลเนอร์เส้นหน้าและใหญ่ สำหรับคนตาเล็ก เพราะจะยิ่งเน้นดวงตาคุณให้ดูเล็กมายิ่งขึ้น

 ถ้าคุณมีผิวมัน ควรใช้มาสคาร่าและอายไลเนอร์ชนิดกันน้ำ ไม่ควรใช้อายแชโดว์ชนิดครีมเพราะจะทำให้ดวงตาคุณเลอะเทอะ

 ถ้าคุณเป็นสาวตากลมโต ควรใช้สีอายแชโดว์สีกลางและสีอ่อน อย่าเน้นสีอายแชโดว์ให้ดำเข้มมากเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้ดวงตาคุณดูดุ

 สำหรับสาวตาโต เมื่อทาสีอายแชโดว์เนียนสวยที่เปลือกตาแล้ว คุณอาจใช้ดินสอเขียนขอบตาสีเข้มเขียนเส้นบางๆ แล้วปัดมาสคาร่าเลยก็ได้ แต่ถ้าอยากใช้อายไลเนอร์ ควรเขียนเส้นให้เล็กและบางมากที่สุด

 สำหรับสาวตาห่าง ควรพยายามทาสีอายแชโดว์สีเข้มให้ค่อนมาทางหัวตา และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้สีอ่อนบริเวณหัวตา เพราะจะทำให้ตาคุณดูห่างมากยิ่งขึ้น

 ถ้าคุณมีดวงตาที่ชิดกันมาก ควรเน้นอายแชโดว์สีอ่อนมากๆบริเวณหัวตา แล้วเน้นสีเข้มๆที่หางตา ข้อห้ามสำหรับสาวตาชิด ไม่ควรเน้นการแรเงาบริเวณข้างจมูกให้เด่นเพราะจะยิ่งทำให้ตาดูชิด

 การเขียนคิ้ว ถ้าคุณมีคิ้วที่สวยได้รูปอยู่แล้ว คุณเพียงแต่ใช้พู่กันปัดคิ้วทาสีอายแชโดว์สีน้ำตาลหรือใกล้เคียงกับสีคิ้วคุณ ปัดเบาๆให้ทั่วขนคิ้วหรือถ้าต้องการออกงานกลางคืน ก็ใช้ดินสอเขียนคิ้วสีอ่อนกว่าคิ้ว เขียนบริเวณฐานล่างของคิ้วไปตามโครงของคิ้วจริง แล้วใช้พู่กันปัดคิ้วทาสีอายแชโดว์สีใกล้เคียงกับดินสอเขียนคิ้ว ระบายทับให้ทั่วขนคิ้วอีกครั้ง คุณจะมีคิ้วที่สวยคมได้รูปแต่ไม่แข็งกระด้าง

 ถ้าคุณมีขนคิ้วที่หนา ไม่ได้รูป ควรกันคิ้วให้ได้รูป โดยกันบริเวณขนคิ้วด้านล่างสุดก่อน จากด้านหางคิ้วมาสู่บริเวณหัวคิ้ว ถ้ายังรกอยู่ให้ค่อยๆกันแนวขนคิ้วให้สูงขึ้นมาอีกนิด ทำซ้ำเหมือนเดิมจนขนคิ้วคุณโก่งสวยสมใจ

 ถ้าขนคิ้วไม่เป็นระเบียบ หลังจากเขียนคิ้วเสร็จแล้ว ใช้มาสคาร่าเจลใส ปัดทับขึ้นไปอีกครั ้งจะทำให้ขนคิ้วดูมีระเบียบสวยงาม



credit : teenee.com

เรื่องส่วนตั๊ว ส่วนตัว ของผู้หญิงที่ไม่ควรละเลย





การซักชุดชั้นในให้สะอาดและถูกวิธี
ช่วยให้สุขภาพของน้องน้อยไม่ต้องเสี่ยงกับอาการคัน คั้น คัน อีกต่อไป

ก่อนซัก ควรแยกชุดชั้นในออกจากชุดชั้นนอก

ซักด้วยน้ำยาซักผ้า หรือผงซักฟอกละลายในน้ำธรรมดาไม่ควรใช้สารฟอกขาวทุกชนิดโดยเด็ดขาด
ซักแต่เบามือ อย่าใช้แปรงขยำขยี้

ตรงไหนที่มีคราบสกปรกก็ให้ใช้แปรงขนนุ่ม ๆ ถูเบา ๆ
ล้างกางเกงในด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง

ตากในที่ร่ม มีลมโกรก ไม่ควรตากให้ถูกแสงแดดโดยตรง เพราะจะทำให้เนื้อผ้าและสีเสื่อมสภาพก่อนจะใส่คุ้มราคา

 คัน คั้น คันในบริเวณจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงจะมีความชื้นอยู่ยิ่งเมืองไทยในช่วงหน้าร้อนอากาศชื้นมาก เหงื่อออกทำให้เกิดการหมักหมม สร้างปัญหาให้กับบริเวณจุดซ่อนเร้นได้ อาการที่พบบ่อย คือเชื้อราบริเวณช่องคลอด และปากช่องคลอด จะมีอาการตกขาวแสบร้อน คัน ทำให้ระคายเคืองบริเวณปากช่องคลอด จนทำให้ติดเชื้อในที่สุด ถ้ายังไม่อยากขึ้นขาหยั่งก่อนวัยอันควรก็อ่านซะ
ส่วนใครซักกางเกงลิง ด้วยเครื่องซักผ้า ให้ใส่ชุดชั้นในลงในถุงตาข่ายแยกซัก เพื่อช่วยถนอมและยืดอายุการใช้งานของชุดนะจ๊ะ

เลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นประเภทผ้า cotton จะช่วยระบายอากาศได้ดี
 หมั่นทำความสะอาดในจุดซ่อนเร้นด้วยน้ำสะอาดและสบู่อย่างอ่อนหรือใช้สบู่เหลวอนามัยเฉพาะที่ร่วมด้วย จะช่วยบรรเทาเรื่องกลิ่นได้นะ

 หลังจากอาบน้ำแล้วซับ (ไม่ใช่ถู) เบา ๆ ด้วยผ้าเช็ดตัวที่นุ่ม แห้งและสะอาดเพราะถ้าถูรุนแรงจะทำให้ผิวหนังบริเวณนี้ถลอกและติดเชื้อได้ง่าย


 ใช้ชุดชั้นในที่เป็นผ้าฝ้ายที่มีเนื้อผ้าบางเบา อากาศถ่ายเทสะดวก เป็นการลดความอับชื้นของน้องน้อย ในขณะที่ผ้าไนล่อนจะอับลม ทำให้อับชื้นและติดเชื้อราง่าย

ไม่ใส่กางเกงชั้นในนอน เพราะตอนกลางคืนเราอยู่ในห้องส่วนตัว ควรเปิดโอกาสให้น้องของเราได้ผึ่งลมบ้างจะได้ไม่อับชื้น และมีกลิ่นไม่สะอาด

ใส่เสื้อผ้ารัดรูปมาก ๆ ทำให้การระบายอากาศไม่ดี จะทำให้เป็นที่สะสมของเชื้อโรคต่าง ๆ ได้
 ใส่สเตย์ เพื่อรักษารูปร่างตลอดเวลา


 กลัวไม่สะอาด เลยใช้น้ำยาอนามัยสวนล้างเข้าไปภายใน ทำให้เชื้อแบคทีเรียชนิดดีที่มีอยู่ในช่องคลอดโดนทำลาย และทำให้เชื้อโรคภายในช่องคลอดเข้าไปในโพรงมดลูก ซึ่งอาจติดเชื่อลุกลาม จนทำให้ปีกมดลูกอักเสบได้

ปะแป้งบริเวณน้องน้อย เพราะเหงื่อที่ออกมาเมื่อปนกับแป้งแล้วจะจับตัวเป็นกระจุกแถวขนอ่อน ทำให้ติดเชื้อราได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยเบื้องต้นออกมาว่า แป้งที่ทาอาจถูกดูดเข้าไปในโพรงมดลูกแล้วเข้าไปสู่ท่อนำไข่และหล่นไปอยู่ในรังไข่ ทำให้โอกาสเป็นมะเร็งรังไข่เพิ่มขึ้นด้วย





credit : teenee.com

ขจัดรังแคด้วยเบกกิ้งโซดา




เบกกิ้งโซดาเป็นผลิตภัณฑ์มหัศจรรย์ที่ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง
ตั้งแต่ใช้ทำความสะอาดสิ่งต่างๆภายในบ้าน ไปจนถึงเป็นตัวช่วยให้การดูแลความงามของสาวๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีปัญหาบนหนังศีรษะ เบกกิ้งโซดามีคุณสมบัติที่ช่วยขจัดสะเก็ดรังแคและสารตกค้างบนหนังศรีษะได้อย่างดีเยี่ยม 
เพียงแค่ผสมเบกกิ้งโซดาหนึ่งกำมือ เข้ากับน้ำสะอาดในปริมาณที่ทำให้ได้เนื้อผลิตภัณฑ์ข้นๆ จากนั้นนำมาถูลงบนเส้นผมและหนังศีรษะเปียกๆ โดยเน้นบนหนังศีรษะ และหลีกเลี่ยงบริเวณปลายผมซึ่งมีความเปราะบาง
ทำอย่างนี้เป็นประจำซักประมาณสัปดาห์ละครั้ง ก็น่าจะช่วยขจัดสะเก็ดรังแคน่าเกลียดๆ ออกไปได้

ส่วนสาวๆ ที่ไม่ได้มีปัญหารังแคก็สามารถใช้ตำรับความงามสูตรนี้ เพื่อช่วยขจัดสารตกค้างบนเส้นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้เจลแต่งผม มูส หรือสเปรย์ฉีดผมเป็นประจำ


credit : teenee.com