วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วิธีทำให้ผิวนุ่มเหมือนแช่น้ำนม


รูปภาพประกอบจาก Lisa

คุณสามารถมีผิวที่เนียนนุ่มเหมือนนอนแช่น้ำนมเป็นชั่วโมงๆ ได้ ด้วยการขัดผิวแบบใช้ไออุ่นแทน

ขั้นแรกก็ไล่ความเย็นออกไปจากห้องน้ำก่อน ด้วยการเปิดน้ำฝักบัวที่มีอุณหภูมิร้อนจัดทิ้งเอาไว้ โดยคุณไม่ต้องเข้าไปยืนอยู่ใต้ฝักบัว ไอร้อนจะทำให้ผิวของคุณนุ่มขึ้น ทำให้ง่ายต่อการขัดผิว จากนั้นก็ถึงขั้นตอนการขัดผิวโดยใช้สครับตามปกติของคุณ หรือถ้าอยากจะปรุงผลิตภัณฑ์ขัดผิวขึ้นมาใช้เอง ก็ลองใช้สูตรของเรานี้ ผสมน้ำตาลทรายแดง 1/2 ถ้วย เข้ากับผงไผ่ 1/2 ถ้วย (ลองหาตามร้านยาจีนหรือร้านขายผลิตภัณฑ์ที่มาจากเมืองจีน) ขิงสดสับละเอียด (ซึ่งช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียน) 2 ช้อนโต๊ะ และโจโจบาออยล์ 1 ถ้วย ทำการขัดผิวโดยลากยาวๆ ช้าๆ เริ่มจากขาก่อน แล้วขัดเรื่อยขึ้นไปถึงแขน หน้าอก หลัง และบั้นท้าย เมื่อคุณขัดผิวทั่วทั้งตัวเสร็จแล้ว ก็ก้าวเข้าไปอยู่ใต้ฝักบัว ฟอกสบู่เพื่อขจัดคราบเม็ดขัดผิวออกไป โดยเลือกใช้สบู่หรือเจลอาบน้ำแบบที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว เพียงเท่านี้ผิวกายของคุณก็จะดูเนียนนุ่มได้เป็นพิเศษแล้ว
ที่มา : Lisa


credit : teenee.com

สารพัดวิธี “ซ่อม” ความสวยอย่างเร่งด่วน






 
สารพัดวิธี “ซ่อม” ความสวยอย่างเร่งด่วน ทั้งทำให้ยาทาเล็บแห้งในพริบตา ซ่อมแซมเล็บฉีก ป้องกันตาบวม และแก้ปัญหาทรงผมที่ตัดมาไม่ถูกใจ
วิธีทำให้ยาทาเล็บแห้งเร็ว หลังจากทาเล็บแล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 2 นาที จากนั้นจุ่มเล็บที่เพิ่งทาเล็บลงไปในอ่างน้ำเย็น แช่เล็บไว้ประมาณ 3 นาที ความเย็นจากน้ำจะทำให้ยาทาเล็บแห้งและแข็งอย่างรวดเร็ว 
ใครที่ประสบปัญหายาทาเล็บแห้งช้ากว่าปกติ  ให้สังเกตว่ายาทาเล็บเริ่มที่จะเปลี่ยนสีหรือน้ำยาแยกออกเป็นชั้นๆ หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นให้ทิ้งไปซะ เพราะเป็นสัญญาณว่ายาทาเล็บเสื่อมสภาพ ทำให้เนื้อสีเหนียวและหนา
ส่วนผู้ที่หลังออกกำลังกายแล้วหน้าแดงแปร๊ด และต้องการทำให้ใบหน้าหายแดงอย่างเร่งด่วน ให้คลุมผ้าขนหนูที่เปียกและเย็นไว้บริเวณหลังคอ เพราะการหน้าแดงเป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติซึ่งเกิดขึ้นเพราะร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น หลอดเลือดจึงขยายตัว โดยเฉพาะหลังออกกำลังกาย ซึ่งจะทำให้เลือดสูบฉีดไปที่ใบหน้ามากกว่าปกติ
การวางผ้าขนหนูที่เปียกลงไปที่หลังคอ จะทำให้ร่างกายอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นก็ใช้วิธีล้างหน้าด้วยน้ำเย็น หรือถ้ามีเวลาเตรียมตัว ให้พกขวดสเปรย์บรรจุน้ำเย็นไปออกกำลังกายด้วย หากรู้สึกว่าหน้าเริ่มร้อนให้ฉีดสเปรย์ลงไปบนใบหน้า จะช่วยทำให้หน้าแดงน้อยลง 
และเป็นที่รู้กันดีกว่า วิธีลดการบวมของดวงตา ที่ดีและง่ายที่สุด คือ การใช้ความเย็นประคบ แต่การป้องกันไม่ให้ดวงตาบวมเป็นวิธีที่ดีกว่าการแก้ปัญหา ซึ่งปกติการบวมแดงของดวงตามักเกิดจากการกินอาหารที่เค็ม หรือดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นหากกินอาหารเค็มหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ให้ดื่มน้ำมากๆ และให้แรงโน้มถ่วงของโลกช่วยป้องกันปัญหา โดยนอนหนุนหมอนสูงๆ จะทำให้ตาบวมน้อยลง
ส่วนวิธีซ่อมแซมเล็บฉีกก็ไม่ยุ่งยาก แค่ตัดถุงชาออกเป็นส่วนเล็กๆ ที่สามารถคลุมบริเวณที่เล็บฉีกได้พอดี จากนั้นหยดกาวติดเล็บลงไปบนกระดาษถุงชา และค่อยๆ วางแนบลงไปบริเวณที่เล็บฉีก ปล่อยทิ้งไว้ให้กาวแห้งสักครู่ และดึงกระดาษถุงชาออกเบาๆ วิธีนี้จะทำให้เล็บที่ขาดติดสนิทเข้าไปที่เดิมและไม่ทำให้เล็บบาดเจ็บมากขึ้น จากนั้นให้ทาน้ำยาเคลือบเล็บลงไปแล้วทาเล็บได้ตามปกติ
สำหรับใครที่ไปตัดผมมาแล้วไม่ถูกใจ แทบไม่อยากไปให้ใครเห็นเพราะคิดว่าทรงผมช่างไม่เข้ากับตัวเองจนรับไม่ได้ ไม่ต้องตกใจไป บางทีทรงผมใหม่อาจไม่แย่อย่างที่คิด แต่เป็นเพราะการเซตผมของช่างผม ลองสระผมดู ทรงผมธรรมชาติที่ไม่ได้เซตอาจจะไม่แย่เท่าไหร่ และใช้วิธีอำพรางทรงผมโดยใช้อุปกรณ์อื่นๆ ช่วย เช่นกิ๊บ ที่คาดผม ใครที่ผมยาวก็มัดผมหรือเกล้ามวยสวยๆ ไปเลย อย่าเครียดกับทรงผมมากนัก เพราะไม่นานผมก็จะยาวและกลับมาดูดีอีกครั้ง
การไดร์ผมให้แห้งเร็วก็ไม่ยาก แค่มีเคล็ดลับคือไดร์จากด้านใน ไล่มาด้านนอก ก่อนไดร์ผมให้เช็ดผมให้หมาดก่อน ไม่อย่างนั้นต้องไดร์ผมนานและใช้อุณหภูมิสูงกว่าผมจะแห้ง ทำให้ผมแห้งกรอบ และเลือกใช้ไดร์ที่มีกำลังสูงไม่น้อยกว่า 1800 วัตต์ เพราะจะแรง ทำให้ผมแห้งเร็วกว่า
หรือใครถ้ามีปัญหาตื่นมาแล้วหน้าเป็นริ้ว แก้ปัญหาริ้วรอย ที่เกิดขึ้นจากการนอนหนุนหมอนด้วยการนวดหน้าด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์หลังตื่นนอน เพื่อไล่ริ้วรอยที่เกิดขึ้นออกไปและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ถ้าเป็นไปได้ควรเปลี่ยนมาใช้หมอนซาตินแทนหมอนคอตตอน ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดริ้วรอยบนผิวหนัง 

credit : teenee.com

มนุษย์กับความเป็นจริง



credit : teenee.com

หลากหลายประโยชน์ที่ได้จากการใช้เกลือ



หลากหลายประโยชน์ที่ได้จากการใช้เกลือ
คุณรู้หรือไม่ว่าเกลือที่เราใช้ในการปรุงอาหารกันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ได้มีประโยชน์แค่เพียงช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เกลือยังอุดมไปด้วยสรรพคุณมากมายมหาศาล มาลองดูกันว่า เกลือธรรมดา ๆ นี้จะสามารถทำประโยชน์อะไรได้บ้างใช้ในห้องครัว ทดสอบความสดของไข่ไก่
          เคยหรือไม่ที่ซื้อไข่ไก่มา แต่ไม่แน่ใจว่าไข่ที่ซื้อมานั้นสด สะอาดหรือไม่ ใส่เกลือ 2 ช้อนชาในน้ำสะอาดและแช่ไข่ทิ้งไว้ ถ้าไข่ได้สดจริงจะจมน้ำ แต่หากไข่นั้นไม่สดก็จะลอยน้ำ แต่การที่ไข่ลอยน้ำนี้ไม่ได้หมายความว่าเป็นไข่เน่า เป็นเพียงแค่ไข่ที่สุกมากขึ้นเท่านั้นเอง
 ทำให้อาหารสุกเร็วขึ้น
          เพราะเกลือช่วยให้อุณหภูมิของน้ำเดือดเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้น ถ้าคุณจะลวกไข่สักฟอง ให้ใส่เกลือลงไปด้วย จะทำให้ไข่สุกเร็วขึ้น และทำให้อาหารอื่น ๆ สุกเร็วขึ้นเช่นกัน
 ล้างผลไม้
          โดยมากแล้วเรามักจะใช้น้ำมะนาว หรือน้ำส้มสายชู ในการล้างผลไม้ให้สดอยู่เสมอ แต่หากไม่มีทั้งสองอย่างนั้น ก็สามารถใช้น้ำที่ผสมเกลือล้างผลไม้แทนได้นะ
 แกะเปลือกถั่วได้ง่ายขึ้น
          แช่ถั่วไว้ในน้ำที่ผสมเกลือไว้หลาย ๆ ชั่วโมงก่อนรับประทาน จะช่วยให้แกะเปลือกถั่วได้ง่ายขึ้นเยอะเลย

 กันไม่ให้น้ำตาลติดกันเป็นก้อน

          เหยาะเกลือเพียงเล็กน้อยบนน้ำตาลไอซิ่ง จะทำให้น้ำตาลไอซิ่งไม่จับตัวกันเป็นก้อน
 ขจัดกลิ่นที่ติดมือ
          หากล้างมือด้วยสบู่ หรือน้ำสะอาดแล้วยังมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ติดมืออยู่ล่ะก็ ให้ใช้เกลือผสมกับน้ำส้มสายชูล้างมือแทน จะทำให้กลิ่นหายไปได้
 ยืดอายุชีส
          หากมีชีสเหลืออยู่จากการทำอาหาร วิธีที่ทำให้วันหมดอายุของชีสยืดออกไปอีก ก็คือการนำชีสมาแช่ด้วยน้ำเกลือ ก่อนที่จะนำไปแช่เก็บไว้ในตู้เย็นต่อไป
 ลดคราบสกปรกบริเวณก้นหม้อได้
          หลังการทำอาหาร บริเวณก้นหม้อมักจะเกิดคราบสกปรกอยู่เสมอ ดังนั้น จึงควรใส่เกลือหนึ่งกำมือ จะทำให้ลดคราบสิ่งสกปรกออกไปได้ และยังทำให้กลิ่นไม่พึงประสงค์จางหายไปด้วยเช่นกัน

ใช้เกี่ยวกับร่างกาย ใช้กับแปรงสีฟันก็มีประโยชน์
          แช่แปรงสีฟันในน้ำผสมเกลือ ก่อนที่จะใช้งานครั้งแรกจะทำให้ขนแปรงมีความนิ่มและคงทนมากยิ่งขึ้น
 ช่วยทำความสะอาดฟัน
          ยาสีฟันหลากหลายยี่ห้อต่างก็มีสูตรที่ผสมเกลือด้วยกันทั้งนั้น เพราะในเกลือมีสารที่ช่วยให้ฟันขาว สะอาด และแข็งแรงมากขึ้น
 ทำความสะอาดช่องปากก็ได้ผล
          ผสมเกลือกับน้ำโซดา แล้วใช้บ้วนปากจะช่วยขจัดกลิ่นปากได้ นอกจากนั้นแล้วยังช่วยลดปัญหาการเกิดโรคและอาการในช่องปาก เช่น ฟันกร่อน เสียวฟัน ได้ดีอีกด้วย
 บรรเทาความปวดอันเนื่องมาจากการถูกผึ้งต่อย
          ถ้าโดนผึ้งต่อยให้นำเกลือในปริมาณเล็กน้อยมาทาในบริเวณที่ถูกต่อย จะช่วยบรรเทาความปวดได้

 
ป้องกันพิษจากยุงและไม้เลื้อยที่ทำให้คัน
          แช่น้ำเกลือ และพอกด้วยเกลือผสมน้ำมันมะกอกในบริเวณที่ถูกยุงกัด หรือไปสัมผัสกับไม้เลื้อย จะช่วยให้ลดอาการคันเป็นอย่างดี
  ขัดผิวก็เข้าท่า
          เกลือช่วยขจัดผิวให้มีความกระจ่างใสได้ ดังนั้นหลังจากที่อาบน้ำแล้ว นำเกลือมาขัดผิวและนวดคลึงเบา ๆ จะทำให้ผิวดูกระจ่างขึ้นมาทันที
 บรรเทาอาการเจ็บคอได้ด้วย
          ผสมเกลือกับน้ำอุ่น แล้วกลั้วคอ จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บได้ดี
ใช้ในบริเวณบ้าน ขวางทางเดินของมด
          เพื่อไม่ให้มดเดินเข้าไปทำรังในบ้านของคุณ โรยเกลือไว้ตามบริเวณประตู หน้าต่างหรือในที่ต่าง ๆ ที่มดสามารถเดินผ่านได้ แค่นี้มดก็จะลดน้อยลงนะ
 ป้องกันการเกิดเพลิงไหม้
          ให้เก็บกล่องที่ใส่เกลือไว้ใกล้ ๆ กับอุปกรณ์เครื่องครัวและตู้อบต่าง ๆ เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เกลือสามารถที่จะดับไฟได้
 ลดการละลายของเทียน
          ถ้าหากคุณนำเทียนแท่งใหม่ ๆ ที่ยังไม่ได้ใช้มาแช่ในน้ำที่ผสมเกลือ จากนั้นเมื่อเทียนแห้ง เทียนจะละลายได้น้อยลงเมื่อคุณจุดเทียนใช้ ถ้าไม่เชื่อลองดูได้เลย
 รักษาความสดของดอกไม้
          เพื่อรักษาความสดของดอกไม้ให้ใส่เกลือลงไปในแจกัน วิธีนี้จะทำให้ดอกไม้มีความสดที่ยาวนานขึ้น
 ซ่อมกำแพง
          กำแพงมีรอย หรือมีรู เกลือก็เป็นตัวช่วยที่ดีของคุณ ผสมเกลือ 2 ช้อนโต๊ะเข้ากับแป้งข้าวโพดอีก 2 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยน้ำในปริมาณที่พอเหมาะ คนให้เข้ากัน เท่านี้ก็สามารถนำไปปิดรูหรือลบรอยบนกำแพงได้เลย
 กำจัดวัชพืชที่ไม่พึงประสงค์
          กำจัดวัชพืชที่ขึ้นรกรุงรังตามลานบ้าน ทางเดิน ด้วยการโรยเกลือให้ทั่ว แล้วรดน้ำตามให้ทั่วหรือจะรอให้ฝนตกก็ได้ เพราะเกลือจะยับยั้งไม่ให้วัชพืชเจริญเติบโต 
ลดควันที่เกิดจากการย่างบาร์บีคิว
          ถ้าการปาร์ตี้บาร์บีคิวสร้างควันมากมาย มาทำลายบรรยากาศให้เสียลงแล้วละก็ ใส่เกลือลงไปในกองไฟที่ใช้ย่างบาร์บีคิว จะช่วยให้ควันที่ออกมาลดน้อยลงไป

ใช้เพื่อการทำความสะอาด
 ทำความสะอาดอ่างล้างจาน
          เทเกลือผสมกับน้ำร้อนแล้วทำความสะอาดอ่างล้างจาน จะทำให้อ่างมีความสะอาด ไม่มีคราบของความสกปรก และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์
 ทำความสะอาดแหวน
          หากแหวนที่คุณสวมไม่เงาเหมือนแต่ก่อน ให้ใช้เกลือผสมกับน้ำมันพืชเช็ดแหวน เท่านี้แหวนของคุณก็จะกลับมาเงางามเช่นเดิม
 ทำความสะอาดได้ทั้งกระทะและถ้วยต่าง ๆ ได้
          หลังจากการประกอบอาหาร คราบสิ่งสกปรกต่าง ๆ มักจะติดตามอุปกรณ์เครื่องครัวอยู่เสมอ รวมไปถึงตามจานชามและถ้วยต่าง ๆ มากมาย ให้ใช้เกลือผสมน้ำยาล้างจานเช็ดล้าง ทำความสะอาด ก็จะทำให้คราบต่าง ๆ ออกง่ายขึ้น และล้างทำความสะอาดได้ดียิ่งขึ้น
 คราบในตู้เย็นก็จัดการได้
          ผสมเกลือกับน้ำโซดาเข้าด้วยกัน ก็จะทำให้เช็ดล้าง ขจัดคราบที่อยู่ในตู้เย็นที่ไม่ได้ทำความสะอาดมานานออกได้ ซึ่งเป็นการป้องกันอาหารในตู้เย็นของคุณให้ห่างไกลจากเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี
 ทำความสะอาดทองเหลืองหรือทองแดง รวมไปถึงคราบสนิมก็ได้เช่นกัน
          ขนาดคราบของสิ่งสกปรกตามกระทะ หม้อ และภาชนะอื่น ๆ ยังสามารถทำความสะอาด เครื่องครัวที่เป็นทองเหลือง ทองแดง หรือเป็นสนิมก็สามารถใช้เกลือทำความสะอาดได้เช่นกัน
 จัดการหม้อกาแฟให้สะอาดเอี่ยมก็เป็นเรื่องง่าย
          ใส่เกลือและน้ำแข็งก้อนลงไปในหม้อกาแฟ จะช่วยให้ขัดคราบที่ติดอยู่ออกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ใช้ซักรีดเสื้อผ้า ขจัดคราบน้ำที่หกเลอะเสื้อ
          โรยเกลือบริเวณคราบที่เลอะทิ้งไว้ก่อนที่จะนำไปซัก โดยเกลือจะทำหน้าที่ซึมซับคราบสกปรกเหล่านั้นออกไป จะทำให้ซักคราบส่วนนั้นออกได้ง่ายยิ่งขึ้น
 ช่วยเพิ่มให้สีเสื้อของผ้าสว่างมากยิ่งขึ้น
          เกลือจะช่วยขจัดคราบสิ่งสกปรกที่ฝังอยู่ในเนื้อผ้า และจะทำให้สีเสื้อของผ้าสว่างมากยิ่งขึ้น
 จัดการกับคราบเหงื่อไคลที่ติดอยู่ได้อย่างชะงัด
          ใส่เกลือ 4 ช้อนโต๊ะกับน้ำร้อนอีก 1 ส่วน และใช้ฟองน้ำเช็ดทำความสะอาด คราบเหงื่อไคลที่ติดอยู่ก็จะหลุดออกไปได้ง่ายมากขึ้น
 ผ้าที่มีคราบเลือด
          จัดการกับคราบเลือดด้วยการแช่ในน้ำเย็นที่ผสมเกลือไว้แล้ว จากนั้นนำไปซักด้วยน้ำสบู่อุ่น ๆ และล้างด้วยน้ำเดือดอีกหลังจากซัก แต่วิธีนี้ควรใช้เฉพาะกับเนื้อผ้าที่เป็นคอตตอน ลินิน หรือเนื้อผ้าที่มีเส้นใยธรรมชาติเท่านั้น ถึงจะทนความร้อนที่สูงได้
 กำจัดเชื้อราก็ไม่ใช่ปัญหา
          วิธีแก้ปัญหานี้ทำได้ไม่ยาก ด้วยการผสมน้ำมะนาวกับเกลือเข้าด้วยกันจากนั้นเทลงไปบริเวณที่เป็นเชื้อรา จากนั้นนำไปตากแดด ซักทำความสะอาด และแห้งตามปกติ
 ช่วยทำความสะอาดรอยเตารีด
          หากคุณเผลอลืมวางเตารีดค้างบนเสื้อไว้นานเกินไป จนทำให้เสื้อเกิดรอยเตารีด ก็ไม่ต้องตกใจไป วิธีแก้ง่าย ๆ ก็คือโรยเกลือลงบนแผ่นกระดาษและใช้เตารีด รีดทับรอยนั้นไปอีกที

 
         ได้รู้ถึงประโยชน์ที่มากมายของเกลือธรรมดา ๆ นี้แล้ว บอกได้เลยว่าเป็นความรู้ดี ๆ ที่ควรจะรู้ไว้เป็นอย่างยิ่ง ของเขา "เค็มแต่ดี" จริง ๆ




credit : teenee.com

6 โรคที่ตามมา หากต้องอยู่ในรถนาน ๆ



สาว ๆ คนไหนที่มักจะใช้ชีวิตอยู่ในรถเป็นประจำก็ด้วยว่าการจราจรที่ติดขัดอยู่เสมอ ต้องระวังให้ดีนะคะ เพราะอาจเป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ ได้ ที่เกิดจากการต้องทนอยู่ในรถเป็นเวลานาน ๆ ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นไปดูพร้อมกันเลย
 หลับในและตาเมื่อยล้า
          อาการที่เกิดขึ้นได้แก่ หาวถี่ สมอง เริ่มมึน ไร้สติ ไม่มีสมาธิในการขับรถ และเรื่องบางเรื่องที่เกิดขึ้นในกิจวัตรจะเข้ามาในหัวโดยไม่รู้ตัว ช่วงที่ต้องเจอแดดจ้า ๆ มักมีอาการตาอ่อนล้า และแสบตา ทำให้มองไม่ถนัดเวลาที่ขับรถ และมีอาการหลับในตอนกลางคืน ซึ่งอาจเกิดจากการนอนน้อยสะสมในแต่ละวันเป็นเวลานาน ๆ

          ดังนั้นในการแก้ไข หากรู้สึกง่วงนอนจริง ๆ ควรแวะปั๊มนอนทันที ด้วยสังเกตจากอาการหาวถี่ ๆ ต้องหยุดอย่าฝืน และในกรณีที่ต้องขับรถทางไกลมาก ๆ ควรจะหาเพื่อนร่วมทางไว้สักคน เพื่อจะได้สลับกันขับปลอดภัยไว้ก่อน ส่วนใครที่มีอาการแสบตา ลองไปปรึกษาคุณหมอ เพื่อบรรเทาอาการที่แสบตาให้ลดน้อยลง

 โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
          สาเหตุเกิดจากการอั้นปัสสาวะเป็นเวลานานในขณะขับรถ เพราะต้องเผชิญกับปัญหารถติดระหว่างเดินทาง หรือไม่มีปั๊มน้ำมันข้างทางเลย โดยผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะขัด เหมือนปัสสาวะไม่สุด และปวดมาก ซึ่งแนวทางในการรักษาคือ ทานยา และดื่มน้ำมาก ๆ เมื่อปวดปัสสาวะ ห้ามอั้นไว้เด็ดขาด และถ้าหากรู้สึกเริ่มปวดหน่วง ๆ ต้องดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อล้างปัสสาวะที่อักเสบออกมา อีกอย่างถ้าหากสามารถย้ายที่อยู่มาให้ใกล้ที่ทำงานเพื่อเลี่ยงปัญหารถติดได้ก็จะดีค่ะ

 กล้ามเนื้อคออักเสบ
          สาเหตุของโรคนี้เกิดจากการที่ต้องนั่งท่าเดิม ๆ เป็นเวลานานเป็นประจำทุกวัน โดยผู้ป่วยจะมีอาการเริ่มจากปวดบ่าทั้งสองข้าง หลังจากนั้นจะปวดคอมาก ปวดร้าวไปถึงบ่า แขน และมีอาการมือชาด้วย ปวดจนไม่สามารถหันคอได้เลย สำหรับใครที่มีอาการดังกล่าวในการรักษาคุณหมอจะให้ยาคลายกล้ามเนื้อมาทาน พร้อมกับใส่เฝือกอ่อนชั่วคราว เพื่อช่วยไม่ให้เคลื่อนไหวมาก ประมาณ 3-4 วัน อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น ส่วนใครที่ยังไม่มีอาการ แต่ยังต้องขับรถอยู่แนะนำให้บริหารคอระหว่างที่รถติด เช่น หันซ้ายหันขวา ก้มหัวขึ้นลง และไม่ควรเอี้ยวคอแบบกะทันหัน เพราะจะทำให้เกิดการหันผิดท่าได้

 ระบบการย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายผิดปกติ
          ใครที่ต้องขับรถอยู่เกือบตลอดเวลา เช่น คนขับแท็กซี่ มักเจอกับปัญหานี้ เพราะเนื่องจากต้องรับส่งผู้โดยสารอยู่ตลอดทำให้การทานอาหารไม่เป็นเวลา และเวลาอยากเข้าห้องไม่สามารถทำได้เลย ดังนั้นเมื่อเกิดสถานการณ์แบบนี้เป็นประจำทุกวันก็ทำให้เป็นโรคกระเพาะอักเสบ รวมทั้งมีอาการท้องผูกอีกด้วย ซึ่งแนวทางในการแก้ไขควรจะเลือกทานอาหารประเภทผักเยอะ ๆ หรือเลือกทานอาหารเบา ๆ จะช่วยให้ระบบย่อยและระบบขับถ่ายดีขึ้น อีกทั้งก่อน ออกไปขับรถแนะนำให้ออกกำลังบริหารแขนขา และเข่า เพื่อลดการปวดเมื่อย หากต้องขับรถเป็นเวลานาน ๆ ได้

 หมอนรองกระดูกเสื่อม
          สำหรับคนที่ต้องขับรถเป็นระยะทางไกลมักจะพบปัญหาหมอนรองกระดูกเสื่อม รวมทั้งในคนที่ชอบยกของหนักบ่อย ๆ เอี้ยวตัวผิดท่า หรือได้รับบาดเจ็บจากการตกจากที่สูง ซึ่งเริ่มแรกจะมีอาการปวดหลังเพียงเล็กน้อย จากนั้นจะเริ่มปวดมากขึ้นและลามไปยังข้างทั้งสอง เวลายืนนานจะมีอาการชาที่ขา นอกจากนี้ในบางรายอาจมีอาการของเอวคดด้วย

          โดยแนวทางในการรักษาอาการต่าง ๆ คือ ไปทำไคโรแพกติก หลังเสร็จจากการจัดกระดูกก็ค่อยๆ  ดีขึ้น และควรดูแลตัวเองโดยการเล่นเทนนิสแบบเบา ๆ หากต้องเดินนานให้หยุดพักยืดเส้นยืดสายบ้าง ทำกายภาพบำบัดวันละ 3 ครั้ง ด้วยการนอนคว่ำ ศอกทั้งสองข้างตั้งฉากกับพื้น ปลายเท้าจิกทำเป็นมุมฉาก ยกตัวขึ้นแล้วแขม่วท้องเกร็งไว้นับ 1-10 ทำประมาณ 10 ครั้ง

 พังผืดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ
          สาเหตุอาจเกิดการที่เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงบริเวณมือได้ไม่ทั่วถึง เพราะต้องถือพวงมาลัยไว้ตลอดเวลาเป็นระยะเวลานาน ๆ อีกทั้งยังเกิดขึ้นทุกวัน ถ้าใครที่ยิ่งต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ก็จะยิ่งส่งผลเร็วขึ้น จะเริ่มมีอาการปวดบริเวณข้อมือ ซึ่งสามารถรักษาได้โดยการทำกายภาพบำบัดวันละ 4 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน เพื่อให้เลือดสูบฉีด ทั้งนี้หากมีการดูแลตัวเองที่ดีก็จะลดอาการที่เป็นลงได้ เช่น ฝึกโยคะ ยกของด้วยการนั่งลงแล้วยก และช่วงไหนที่มีอากาศเย็นจะรู้สึกปวดมากกว่าปกติ จึงต้องพยายามให้อบอุ่นอยู่เสมอ หรือทายาหม่อง หรือปาล์มเพื่อเพิ่มความอบอุ่นได้

          การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐนะคะ ยังไงก็ต้องพยายามดูแลตัวเองให้ดี ไม่ว่าจะอยู่ในที่ไหนก็ตามค่ะ

แหล่งที่มา : Woman's Story



credit : teenee.com

สมุนไพรรักษาโรค


แพทย์แผนไทยเป็นคำพูดที่เข้าใจได้ยาก แต่ถ้าเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านก็จะเข้าใจได้ง่ายกว่า 
          เรื่องของสมุนไพรนั้นมีมาแล้ว 2,500 ปี ความรู้เรื่องสมุนไพรและการรักษาด้วยสมุนไพรนั้นยังไม่เป็นที่รุ้จักกันดี จนกระทั่งในปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นประเทศที่รู้จักกันดีในเรื่องของการรักษาด้วยสมุนไพร เช่นเดียวกันกับ Herbal Ball (ลูกสมุนไพร) ที่ทำเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในร่างกายและขับสารพิษออกจากร่างกาย  ภูมิปัญญาของคุณย่าก่อให้เกิดผลในศตวรรษที่ 21ปัจจุบัน

ใช้สมุนไพรที่เก็บสดๆ ปลอดสารพิษ ทั้งหมด18ชนิด การผสมผสานของภูมปัญญาที่ว่านี้ ทำให้เกิดการโฆษณาขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ว่า ทำให้ลดความตรึงเครียดในใจและสามารถแนะนำด้วยความภาคภูมิใจว่าสมุนไพรที่เราได้ทำมีคุณภาพดีจริง  การดำเนินชีวิตในทุกๆวัน อาจมีความรู้สึกเหนื่อย มีความรู้สึกอยากได้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ บ้าง ให้การนวดแบบแผนโบราณที่เป็นภูมิปัญญาของไทยได้รักษาได้ช่วยเหลือให้ร่างกายเรามีสุขภาพดีทุกวัน

    
 ส่วนผสมลุกสมุนไพรมีอะไรบ้าง
  1. ตระไคร้..ช่วยในเรื่องของการทำงานการไหลเวียนของหัวใจ
  2. ขมิ้น..Detox โดยการกระตุ้นการหลั่งของน้ำดี
  3. ข่า..ช่วยระงับการอักเสบของไตที่บวม
  4. ใบโหระพา..ลดความปวดของร่างกาย.ทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างปรกติ
  5. ใบแครอท..อุดมไปด้วยวิตามินเอ ชะลอความแก่ ลดกลิ่นกาย
  6. ใบมะกรูด..ลดอาการไอ ช่วยในเรื่องของระบบการหายใจ
  7. ตระไคร้หอม..บรรเทาอาการปวดบวม
  8. ไพล..ป้องกันโรคหนาวเรื้อรัง เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
  9. ขิง..ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ช่วยในเรื่องระบบการหมุนเวียนเลือด
  10. สะระแหน่..แก้ร้อนใน ช่วยให้นอนหลับได้ดี
  11. ใบมะขาม..เป็นกรดธรรมชาติ ช่วยระงับความอ่อนเพลียที่เกิดจากความเหนื่อยล้า
  12. ผิวมะกรูด..ฟื้นฝูการเสื่อมสภาพของผิวให้สมดุล
  13. ขมิ้นอ้อย..ลดออกซิเจนในร่างกาย ทำให้ไม่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ
  14. กระชาย..ช่วยเผาผลาญพลังงานที่ไม่จำเป็นออกไป
  15. กระเพรา..ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่อ ป้องกันไวรัส
  16. ใบเตย..ฆ่าเชื้อและป้องกันไวรัสตัวที่ไม่ร้ายแรง
  17. ใบกระเจี๊ยบ..ทำให้เลือดสะอาดไหลเวียนดีขึ้น
  18. ดอกดาวเรือง..ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าของตา ช่วยให้การทำงานในระบบสมองคุณ

วิธีการกินเจที่ถูกต้อง


อาหารเจ

เห็นธงเหลืองตัวอักษรสีแดงปลิวไสวไปทั่วบ้านทั่วเมืองเช่นนี้ เป็นสัญลักษณ์ว่า เทศกาล "กินเจ" ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง กินเจเป็นประเพณีทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายานถือได้ว่าเป็นเทศกาลบุญที่สืบทอดติดต่อกันมาอย่างยาวนานโดยจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ไปจนถึงวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน
เวลานั้นผู้คนจะพากันละเว้นการเบียดเบียน ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต งดเว้นการกินเนื้อสัตว์และหันไปรักษาศีล ปฏิบัติธรรม ให้บริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา และใจ จึงนับได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการทำบุญได้ดียิ่ง

แต่ถ้าเป็นในเรื่องของสุขภาพ ขอบอกว่า ประโยชน์ของการกินเจมีอยู่เพียบ นั่นเป็นเพราะเมื่องดเนื้อสัตว์แล้วหันมาบริโภคพืชผักแทนจะทำให้ร่างกายสามารถขับถ่ายของเสียออกได้หมด จะทำให้ระบบการย่อยอาหารเป็นไปปกติ อวัยวะภายในอย่างหัวใจ, ไต, ม้าม, ตับ, ปอด, ลำไส้เล็ก, ลำไส้ใหญ่, กระเพาะปัสสาวะ, กระเพาะอาหาร, ถุงน้ำดี ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เลือดจะถูกฟอกให้สะอาด เซลล์ในร่างกายก็จะเสื่อมช้าลง ผิวพรรณสดชื่นผ่องใส ทำให้ร่างกายต้านทานต่อสารพิษและรังสีต่างๆ ได้มากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้นกินเจยังสามารถป้องกันโรคอันไม่พึงประสงค์อย่างโรคมะเร็ง, โรคหัวใจ, ความดันโลหิตสูง, เส้นเลือดตีบ, ไขมันอุดตันในเส้นโลหิต, โรคไต, ไขข้ออักเสบ, โรคเกาต์, โรคเบาหวาน รวมถึงโรคที่เกี่ยวกับระบบการย่อย การขับถ่าย และโรคทางเดินอาหารด้วย

แม้จะมีข้อดีเลิศประการใด แต่การกินเจก็อาจส่งผลข้างเคียงต่อผู้ที่สภาวะร่างกายไม่แข็งแรงสมบูรณ์ เด็กเล็ก หรือสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะอาจจะได้รับสารอาหารไม่พอเพียง

ดังนั้นการกินเจได้อย่างมีคุณค่านั้น มีข้อแนะนำดังนี้
- ผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ทุกชนิด ไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม เนย หัวหอม กระเทียม กุยช่าย หลักเกียว และใบยาสูบ คนกลุ่มนี้ต้องเติมอาหารที่มีกรดอะมิโนทดแทน ประเภทถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ เป็นการเสริมสารอาหารจำพวกโปรตีน ธาตุเหล็ก

- ผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ไข่ หัวหอม กระเทียม หัวไชเท้า กุยช่าย พริกแดงแต่ดื่มนมแทน กลุ่มนี้นอกจากอาหารประเภทถั่วเมล็ดแห้งแล้ว ควรเสริมกลุ่มเกลือแร่และกินผักผลไม้ช่วยด้วยจะเป็นการดี

- ผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์แต่กินไข่และนมเนยทุกชนิด ร่างกายของคนกลุ่มนี้จะยังได้รับสารอาหารโดยเฉพาะโปรตีนและแคลเซียมอย่างพอเพียง รูปแบบของการกินประเภทนี้เด็กที่ต้องการกินเจก็สามารถร่วมกิจกรรมได้

- อย่าเลือกรับประทานแต่ผักเพราะจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบ จึงควรทานธัญพืช เช่น เมล็ดงา ลูกเดือย ลูกบัว หรือพืชตระกูลถั่ว หรือถั่วแปรรูปอย่างเต้าหู้ และพืชจำพวกที่เป็นหัวในดิน เช่น เผือก มัน กลอย ร่วมไปด้วย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็น

- คนกินเจควรบันยะบันยังในเรื่องของการบริโภคแป้งในรูปแบบต่างๆ รวมไปถึงอาหารที่ผัด ทอดที่ใช้น้ำมันมาก กลายเป็นอาหารไขมันสูง เป็นที่มาของโรคอ้วนในที่สุด ทางที่ดีจึงควรเลือกอาหารที่ผ่านการปรุงด้วยการต้ม นึ่ง ย่าง ยำ อบ

- ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด จากการใช้ซีอี๊วขาว เต้าเจี้ยว หรือเกลือแทนน้ำปลา เพราะอาจเป็นอันตรายต่อไตและความดันโลหิตสูงได้

- ไม่ควรรับประทานอาหารรสจัด เพราะจะส่งผลไปถึงอวัยวะต่างๆ ขมจัดส่งผลต่อหัวใจ เค็มจัดส่งผลต่อไต หวานจัดส่งผลต่อม้าม เปรี้ยวจัดส่งผลต่อตับ เผ็ดจัดส่งผลต่อปอด

- ควรรับประทานอาหารสดที่ปรุงใหม่ หรือผักสดผลไม้ มากกว่าของหมักดองหรืออาหารกระป๋องสำเร็จรูป

- ควรล้างทำความสะอาดพืช ผัก ผลไม้ที่นำมาปรุงอาหารเพื่อลดสารพิษที่อาจปนเปื้อน

อย่างไรก็ตามอย่าลืมที่จะออกกำลังกายร่วมด้วยจะเป็นส่วนช่วยเสริมทำให้สุขภาพแข็งแรงได้ดียิ่งขึ้น

9 วันแห่งเทศกาลบุญปีนี้จะได้เป็นจุดเริ่มต้นของความสมบูรณ์ทั้งกายและใจแบบสุดๆ ไปเลย...
อาหารเจ
อาหารเจ
อาหารเจ
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน


credit : teenee.com

คุณเคยเป็นแบบนี้บ้าง..ไหม




credit : teenee.com

ท่าที่ถูกต้องในการนั่งทำงานหรือใช้คอมพิวเตอร์





       การนั่งผิดท่าหรือนั่งเก้าอี้ที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดอาการปวดหลังปวดคอได้เช่นเดียวกัน ดร.เจฟฟรี ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ทำให้โลกเราเปลี่ยนไปมาก พวกเราก็มีท่าทางที่แย่ลงในการนั่งทำงานหรือใช้คอมพิวเตอร์ที่มากเกินไป ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียง่าย อ่อนล้า หมดแรง มีอาการชาบริเวณแขนและมือ ซึ่งจะส่งผลต่อเอ็นข้อมือด้วย ทำให้บางคนมีอาการปวดหัว ปวดต้นคอ และปวดหลัง ดังนั้น ดร.เจฟฟรี จึงแนะนำ
ท่าที่ถูกต้องในการนั่งทำงานหรือใช้คอมพิวเตอร์ คือ
1.ควรนั่งบนเก้าอี้ที่มีส่วนที่หนุน หรือรองรับกับกระดูกสันหลัง หรือมีพนักพิงข้างหลัง การนั่งพิมพ์งานหลังควรตรง ข้อศอกตั้งฉาก 90 องศา
2.ควรนั่งเก้าอี้ที่มีพนักพิง โดยมีความกว้างและลึกที่ทำให้ผู้นั่ง นั่งให้หลังชนเก้าอี้ได้ โดยที่เท้าสัมผัสกับพื้น หากไม่สามารถนั่งเช่นนี้ได้ให้หาที่วางขาให้เข่าอยู่ในลักษณะเท่ากัน และวางเมาส์ไว้ใกล้ตัวเพื่อจะได้ไม่ต้องเอื้อมไปจับ พัก 1-2 นาที ทุกๆ 20-30 นาที ลุกขึ้นและผ่อนคลาย
3.พยายามนั่งให้หลังชิดพนักเก้าอี้ทุกครั้ง ไม่ควรนั่งจมลงไปในเก้าอี้ เพราะจะทำให้หลังงอ
4.หากต้องอ่านหนังสือ หรือเอกสาร และพบว่าเก้าอี้อยู่สูงกว่าวัตถุ ควรหาแฟ้มเอกสาร หรือกล่องมารองหนังสือเพื่อให้หนังสืออยู่ระดับเดียวกับสายตา เพราะถ้าหากอยู่ต่ำกว่าสายตาจะทำให้เวลาอ่านต้องมองขึ้นมองลง อาจทำให้เกิดอาการปวดที่คอและหลังท่อนบนได้
5.ไม่ควรนั่งเก้าอี้ที่มีพนักเก้าอี้ใหญ่มากเกินไป เพราะจะทำให้ ต้องเขยิบเข้าไปนั่งกลางเก้าอี้ ทำให้ขาไม่ได้รับน้ำหนัก อาจทำให้ปวดหลังได้

ที่มา นสพ.ข่าวสด


credit : teenee.com

ผู้หญิงไม่กล้าถาม แต่ผู้ชายอยากตอบ



ทุก วันนี้ปัญหาหนึ่งในสังคมที่นับเป็นเรื่องใหญ่แต่ไม่ค่อยมีใครกล้าพูด ก็คงต้องยกให้กับปัญหาบนเตียงที่มีสิทธิ์ทำให้หลายๆ คู่ จากรักที่ไม่เคยคิดเลิกรา กลายเป็นรักร้างที่อยากหมางเมินก็เป็นได้ เช่นนั้นแล้วคงเป็นเรื่องดี หากหนุ่มๆ อย่างเรา ลองล้วงลึกเข้าไปในจิตใจของหญิงสาวว่าพวกเธอมีคำถามอะไรที่เก็บไว้ในใจ แต่ไม่กล้าที่จะถามหรือไม่ 

มีเซ็กซ์บ่อยแค่ไหนดีคะ? 
เป็น เรื่องที่หนุ่มๆ อย่างเราคงมองข้าม และไม่คิดว่าสาวๆ จะคิดถึงเรื่องนี้ แต่จะมากหรือน้อยก็คงต้องมาดูกันว่า เซ็กซ์ที่มีนั้นบดบังเวลาที่จะทำอย่างอื่นไปมากน้อยแค่ไหน ถ้าวันๆ ไม่ทำอะไรมัวแต่คิดถึงเรื่องเซ็กซ์อันนี้ก็คงมากไปแล้ว แต่ถ้าหากว่าอยู่ในเกณฑ์สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง หรือจะเป็นทุกวัน วันละครั้ง ก็ยังไม่ถือว่ามากไปครับ เพราะเซ็กซ์นั้นยิ่งมียิ่งดีครับ

หนึ่งครั้งต้องนานแค่ไหนคะ? 
หาก คุณเสร็จเร็ว ฝ่ายหญิงคงอยากจะถามว่า ปกติแล้วผู้ชายคนอื่นเขาหลั่งเร็วแบบนี้หรือไม่ หรือถ้าคุณเสร็จช้าเกินไป เธอก็คงอยากถามว่า ปกติแล้วผู้ชายคนอื่นเขาหลั่งช้าอย่างนี้หรือเปล่า โดยปกติแล้วเวลาในการหลั่งของผู้ชายที่ปกติดีนั้น จะอยู่ที่ 5-15 นาที ถ้าอยู่ในเกณฑ์นี้ นับเป็นเรื่องปกติ โดยถ้าหากเป็นคนที่หลั่งในช่วง 5-10 นาที คุณผู้ชายก็คงต้องใช้การเล้าโลมเป็นตัวช่วยเสียหน่อย เพื่อให้ฝ่ายหญิงไปถึงจุดฝันได้พร้อมๆ กัน

ร้องเสียงดังไปไหมคะ? 
สาวๆ หลายคนกังวลกับเสียงร้องของตัวเองนะครับว่าคนอื่นจะได้ยินหรือไม่ บางคนก็ไม่กล้าเปล่งเสียงออกมาเต็มที่ บางคนก็โหยหวนออกมาอย่างไม่อายฟ้าดิน เรื่องแบบนี้สาวๆ เขาไม่กล้าถามเราครับ หนุ่มๆ อย่างเราคงต้องเป็นคนกำหนดและคอยบอกว่ามันดังไปหรือเปล่า มีครับที่ผู้หญิงบางคนกรีดร้องเสียงดังตอนมีเซ็กซ์ จนข้างบ้านต้องย้ายที่อยู่ หรือถึงขั้นฟ้องร้องกันก็มี

เล้าโลมอย่างไรดีคะ? 
การ ให้ฝ่ายหญิงมาเล่นที่น้องหนูของเรานั้น นับเป็นสิ่งที่ผู้ชายหลายคนใฝ่ฝันและถวิลหา ยิ่งถ้ารู้ใจด้วยแล้วว่า จุดไหนเป็นจุดไหน ก็ยิ่งทำให้เซ็กซ์ราบรื่นไปมากกว่าเดิม เช่นนั้นแล้ว คุณคงไม่ต้องรอให้เธอถามเรื่องแบบนี้ออกมา บอกเธอไปเลยก็ได้ว่าคุณชอบแบบไหน จุดไหนที่ทำให้คุณสั่นสะท้านอย่างที่สุด ตรงไหนแรงไปก็บอกให้เบาหน่อย ตรงไหนอยากให้เธอเน้นคุณก็ครวญครางบ้าง เพื่อเป็นสัญญาณให้เธอรู้ว่า คุณชอบตรงจุดนี้ครับ

ผิดไหมถ้านอนกับคุณ แล้วคิดถึงคนอื่นล่ะคะ? 
จะ ถูกหรือจะผิด คงต้องแล้วแต่สถานการณ์และบุคคล แต่ถ้ายกทางศาสนามาอ้างอิง แค่คิดก็ผิดแล้วครับ แต่ก็คงต้องเปิดอกคุยกับคู่ชายของคุณดูว่า เขายอมรับเรื่องแบบนี้ได้ไหม เพราะหากนอกแต่ใจ แต่กายไม่เคยนอก บางคนก็น่าจะรับได้ เพราะการคิดถึงคนอื่น อาจทำให้เซ็กซ์มันตื่นเต้น เร้าใจมากขึ้น แต่ถ้าไตร่ตรองดูแล้ว บอกไปมีแต่จะทำให้ร้างลา เก็บไว้ในใจก็ได้ครับ

แว๊กซ์ขนบริเวณต้องห้าม คุณจะชอบไหมคะ? 
ความ เห็นเรื่องนี้คงต้องแล้วแต่ว่าใครชื่นชอบแบบไหน บางคนก็อยากคงของเดิมไว้ แต่ก็มีบางคนที่อยากให้ทำเพราะดูเรียบเนียนกว่า ยิ่งถ้าเป็นผู้ชายที่ชื่นชอบการออรัลเซ็กซ์ด้วยแล้ว คุณคงต้องบอกเธอไปตรงๆ ว่า แว๊กซ์ออกเสียเถอะ เพราะมันจะทำให้เร้าใจกว่า แต่ถ้าคุณไม่กล้าบอกเธอตรงๆ กลัวเธออาย ก็บอกเธออ้อมๆ ก็ได้

น้ำหล่อลื่นออกมาน้อย แล้วคุณจะคิดว่าฉันไร้อารมณ์หรือเปล่าคะ? 
มี ผู้หญิงหลายคนที่เจอกับปัญหานี้ ไม่ว่าจะเล้าโลมเนิ่นนานแค่ไหน แต่น้ำหล่อลื่นที่ควรจะออกมา กลับน้อยนิดจนน่าตกใจ และผู้หญิงเขาก็กลัวว่าฝ่ายหนุ่มๆ อย่างเราจะพาลคิดไปว่าเธอไร้อารมณ์หรือเปล่า คงต้องบอกก่อนว่า เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่อยู่ในวัยใกล้หมดประจำเดือน เพราะระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดต่ำ ทำให้ร่างกายไม่สามารถผลิตน้ำหล่อลื่นออกมาให้เหมือนกับปกติได้ การแก้ปัญหาก็ไม่ยากครับ คุณแนะนำให้เธอไปปรึกษาแพทย์ และขอฮอร์โมนชนิดทามาใช้ ก็จะดีขึ้น แต่ถ้าเกิดขึ้นกลับผู้หญิงที่อายุไม่มาก ก็อาจเป็นเพราะความเครียด หรือความกังวลในจิตใจ คงต้องค่อยๆ เล้าโลมให้นานขึ้นกว่าปกติ เพื่อให้ร่างกายของเธอได้ปรับสภาพให้พร้อมที่สุดครับ

เสียงลมที่เกิดขึ้น ทำให้คุณกังวลหรือเปล่าคะ? 
หนุ่มๆ คงเคยได้ยินเสียงลมจากบริเวณน้องหนูของฝ่ายหญิงกันบ้าง เรื่องเหล่านี้เธอเป็นกังวลกันพอสมควรนะครับ หญิงหลายๆ คนกลัวว่าคุณจะมองเธอไม่ดี แต่เรื่องเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติครับ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นตรงกันว่า เสียงลมที่เกิดขึ้นเป็นเพราะผู้หญิงมีน้ำหล่อลื่นออกมามาก และเพียงพอที่จะทำให้เซ็กซ์ในครั้งนี้มีความสุขที่มากพอ

ใส่ถุงยางอนามัยป้องกัน แต่หลั่งข้างในจะท้องไหมคะ? 
เรื่อง นี้เป็นเรื่องที่แม้แต่ผู้ชายอย่างเราๆ ก็กังวลด้วยเช่นกัน แต่ก็มีบ้างที่หลายคนอารมณ์พาไป ทำให้ลืมป้องกันบ้าง หรือรุนแรงเกินไปจนถุงยางขาดโดยไม่รู้ตัว เช่นนี้แล้วทางการแพทย์แนะนำเลยครับว่า การป้องกันการตั้งครรภ์ที่ดีที่สุดก็คือ การไม่มีเพศสัมพันธ์ ดังนั้นแล้วการใช้อุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มเติมนั้นก็เป็นการลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะการตั้งครรภ์ เพราะฉะนั้นหากเรื่องแบบนี้ทำให้เธอเป็นกังวลหลังมีเซ็กซ์ คุณก็ควรที่จะตระหนักด้วยว่า จะป้องกันอย่างไรให้เข้าใกล้ร้อยเปอร์เซ็นต์ที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดที่คุณไม่ได้ตั้งใจ

ขนาดของเครื่องเพศผู้หญิง มีผลต่อเซ็กซ์ไหมคะ? 
ใช่ ว่าจะมีแต่ผู้ชายที่กังวลเรื่องขนาดของเครื่องเพศ ฝ่ายหญิงก็กังวลเช่นกันว่าบริเวณส่วนนั้นของเธอเล็กหรือใหญ่ไปหรือเปล่า หรือบางครั้งเธอก็กังวลว่า หากโดนกระตุ้นบริเวณนั้นแล้วจะรู้สึกตื่นเต้น เร้าใจไหม สิ่งหนึ่งที่ตอบคำถามนี้ได้ดีก็คือ การจะเกิดภาวะจุดสุดยอดอย่างสมบูรณ์นั้น ต้องประกอบไปด้วยอวัยวะ 3 ส่วน คือ มดลูก ช่องคลอด และกล้ามเนื้อบริเวณเชิงกราน ซึ่งทั้งสามอย่างทำงานบีบรัดต่อเนื่องเป็นจังหวะ ทำให้คุณและเธอแทบไม่ต้องกังวลเลยว่า ขนาดของเครื่องเพศจะเล็กหรือใหญ่ เพราะท้ายที่สุดไม่ว่าของเธอจะขนาดไหน คุณก็สามารถพาเธอไปสู่จุดสุดยอดได้เช่นกัน ใช่ไหมครับ
 



FW

credit : teenee.com

ท่า....ไหนที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับคุณ?



คุณก็ไม่จำเป็นต้องรู่จักท่าร่วมรักนับล้านๆ ท่า สิ่งที่คุณต้องรู้ก็คือ ท่าไหนที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับคุณ ไม่ว่าคุณจะต้องการท่าที่ทำให้ผู้หญิงออกัสซั่มได้มากกว่า ท่าที่สร้างความรู้สึกใกล้ชิดสนิทแน่น ท่าสำหรับผู้ชายที่มีขนาดใหญ่หรือเล็กเป็นพิเศษ หรือท่าที่กระตุ้นจีสปอตหรือคลิตอริสได้จริงๆ 
และท่าทางเหล่านี้ไม่ต้องใช้ภาพประกอบมาช่วยในการอธิบายเลย เพราะมันเป็นท่าที่ง่ายๆ ที่คุณเคยทำมาแล้ว เพียงแค่พลิกแพลงมันอีกสักหน่อยเท่านั้นเอง...

ผู้หญิงในท่านอนหงาย 
ท่าพื้นฐานที่ผู้หญิงนอนหงายและผู้ชายอยู่ข้างบน หรือที่มักเรียกว่าท่ามิชชันนารี เป็นท่าที่นิยมกันมากที่สุด เพราะคุณหันหน้าเข้าหากัน มันจึงสร้างความรู้สึกใกล้ชิดสนิทแนบ ต่อไปนี้คือการพลิกแพลงที่คุณต้องชอบ 


สำหรับผู้หญิงที่ต้องการกระตุ้นที่คลิตอริสเพื่อออกัสซั่ม
 
(ซึ่งเป็นส่วนใหญ่) มีท่าที่เรียกว่า The Coital Alignment Technique วิธีการก็คือ เริ่มต้นด้วยท่ามิชชันนารี ผู้ชายอยู่ข้างบนและเลื่อนตัวขึ้นไปสูงเล็กน้อย เพื่อให้การรุกล้ำอยู่ในลักษณะกดลง ให้ผู้หญิงกางขาโอบรอบตัวเขาเอาไว้ ไขว้ข้อเท้าเข้าด้วยกัน แล้วเลือนลงมาอยู่แถวๆ น่องของเขา ส่วนบนของอวัยวะเพศจะสัมผัสกับคลิตอริสพอดี และเธอสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ด้วยการแกว่งสะโพกไปมา รวมทั้งสามารถควบคุมแรงกดและความเร็วในการกระตุ้นคลิตอริสได้ และเขาสามารถเคลื่อนตัวเข้าออกให้สอดคล้องกับจังหวะการเคลื่อนไหวของเธอ มันต้องฝึกฝนนิดหน่อย แต่เมื่อทำได้แล้ว คุณทั้งสองจะได้พบความสุขเกินบรรยาย
สำหรับการกระตุ้นจีสปอต (และสำหรับผู้ชายที่มีอาวุธส่วนตัวใหญ่เป็นพิเศษ หรือผู้หญิงรู้สึกไม่ค่อยสบายเวลาที่รุกล้ำลึกเกินไป) ให้ผู้ชายชายนังลงบนส้นเท้า และดึงสะโพกผู้หญิงมาวางบนเข่า การรุกล้ำจะอยู่ในมุมที่เงยขึ้น ด้วยการทดลองเคลื่อนไหวหลายๆ แบบ เขาอาจสามารถสัมผัสจีสปอตได้ หรือไม่ก็อาจเลยเข้าไปถึงคอมดลูกด้านหน้า ซึ่งก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ออกัสซั่มแบบสุดๆ ได้เช่นกัน โบนัสพิเศษคือมือเขาจะเป็นอิสระ สามารถที่จะเคล้าคลึงหน้าอกและคลิตอริสของผู้หญิงได้
สำหรับการร่วมรักแบบมาราธอน ให้ผู้ชายยืนอยู่ขอบเตียงระหว่างขาของผู้หญิง เธออาจจะห้อยขาลงหรือชันขาขึ้นก็ได้ เนื่องจากจะไม่มีน้ำหนักไปกดที่ฐานของอวัยวะเพศชาย ผู้ชายจึงพบว่าสามารถที่จะชะลอการหลั่งออกไปได้ยาวนานกว่าในท่านี้ นอกจากนี้การรุกล้ำในท่านี้ก็ทำได้ง่ายกว่าด้วย
 
ผู้หญิงในท่านอนคว่ำ 
ท่าที่เข้าจากข้างหลังนี้บางทีก็มักเรียกกันว่าท่าด็อกกี้ แต่นอกจากชื่อของมันและความที่ผู้หญิงมักอายบั้นท้ายของตัวเอง รวมทั้งเป็นท่าที่ขาดความสนิทแนบแน่นเนื่องจากไม่ได้มองหน้ากัน ผู้หญิงส่วนหนึ่งจึงไม่ค่อยชอบท่านี้ ซึ่งน่าเสียดาย เพราะผู้หญิงจำนวนมากที่รายงานว่าท่านี้เป็นท่าที่พวกเธอชอบมาก เราคุ้นเคยกับท่าพื้นฐานดีแล้ว ฉะนั้น.. 

สำหรับผู้ชายที่มีอวัยวะคู่กายค่อนข้างเล็ก
 
ถ้าสะโพกของเขาอยู่ในอากาศและหน้าเธออยู่บนหมอน นี่จะเป็นท่าร่วมเพศที่ทำให้มีการรุกล้ำได้ลึกสุดๆ (แต่ถ้าคุณค่อนข้างใหญ่ก็ทำช้าๆ และระวังท่านี้ให้ดี)

สำหรับการสัมผัสทั้งจีสปอตและคลิตอริสของเธอในเวลาเดียวกัน
 
ให้เธอนอนคว่ำ เขานั่งคร่อมลงบนขาของเธอ เธอยกสะโพกขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้เขาสามารถยื่นมือหนึ่งหรือสองข้างเข้าไปใต้เชิงกรานเธอได้ จากท่านี้ มุมของการรุกล้ำจะโดนจีสปอตด้วย และมือก็สามารถเคล้นคลึงคลิตอริสได้
 
ผู้หญิงอยู่ข้างบน 
ปกติผู้หญิงจะคร่อมตัวผู้ชายและวางน้ำหนักบนหัวเข่า ผู้หญิงชอบท่านี้ เพราะเธอสามารถควบคุมความลึก มุม และความแรงเร็วได้ ปัญหาก็คือเธอจะเจ็บเข่าได้ง่าย ทางออกก็คือ การนั่งเก้าอี้แคบๆ ไม่มีพนัก เหมือนเก้าอี้เล่นเปียโน ที่สามารถให้เธอวางเท้าลงบนพื้นได้ จะทำให้ท่านี้แรงร้อนยิ่งขึ้น และเนื่องจากเป็นท่าที่ทำให้ผู้ชายสามารถชะลอกการหลั่งได้ง่ายกว่า คุณจึงสามารถร่วมรักได้ยาวนานขึ้น
 


FW

credit : teenee.com

7 งานบ้านทำเพลินเบิร์นแคลอรี่



 1. กวาดบ้าน/ถูบ้าน
          การกวาดและถูบ้านรวมถึงการดูดฝุ่น (สำหรับคุณพ่อบ้านแม่บ้านสมัยใหม่) เป็นการเคลื่อนไหวออกกำลังกายทั้งท่อนบนและท่อนล่าง หากคุณใช้เวลาดูดฝุ่นหรือกวาดทุกซอกทุกมุมในบ้านสักครึ่งชั่วโมง คุณสามารถเบิร์นพลังงานได้ราว 376-752 แคลอรี่เลยทีเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว น้ำหนักของเครื่องดูดฝุ่น และการออกแรงของคุณ หลังจากกวาดกำจัดฝุ่นผงเสร็จไปขั้นตอนหนึ่งแล้ว ขั้นต่อมาก็คือการถูพื้น ยิ่งถ้าคุณถูด้วยมือโดยการคุกเข่าลงไปถู แม้จะดูเก้ ๆ กัง ๆ ไปสักนิดแต่วิธีนี้จะช่วยเผาผลาญพลังงานได้ดีเชียวค่ะ โดยการถูบ้านครึ่งชั่วโมงจะใช้พลังงานราว 111-222 แคลอรี่เลยทีเดียว
 2. ล้างจาน
          งานเก็บกวาดจานชามมาล้างให้สะอาดช่วยให้คุณเผาผลาญพลังงานได้เช่นกัน แม้จะไม่มีการขยับเคลื่อนไหวของร่างกายมากมายนัก แต่อย่างน้อยมันก็ใช้พลังงานราว 63 แคลอรี่ต่อครึ่งชั่วโมง และอาจเพิ่มขึ้นได้อีกเท่าตัวเป็น 126 แคลอรี่ หากคุณหยิบจานที่สกปรกมาก ๆ มาล้างซ้ำอีกครั้ง หรือต้องออกแรงในการล้างมากกว่าปกติ อย่างการล้างกระทะหรือขัดหม้อค่ะ


 3. ซักผ้า
          แม้การซักผ้าเดี๋ยวนี้จะเปลี่ยนรูปแบบจากการซักมือไปเป็นซักด้วยเครื่องซักผ้าที่แสนสะดวกสบาย แต่อย่างน้อยขั้นตอนในการแยกเสื้อผ้า กลับผ้าก่อนซัก รวมถึงการคลี่สะบัดและตากผ้า ก็ช่วยให้คุณเผาผลาญพลังงานได้สัก 75-100 แคลอรี่แล้วล่ะ

 4. เช็ดหน้าต่าง/เช็ดกระจก
          หน้าต่างเป็นหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่บ้านไหน ๆ ก็ต้องมี บางบ้านที่เป็นหน้าต่างโปร่ง ๆ อันเป็นทางผ่านของลมยิ่งต้องเช็ดให้สะอาด ลมจะได้ไม่หอบฝุ่นที่จับตัวอยู่เข้ามาในบ้าน ส่วนบ้านไหนเป็นหน้าต่างกระจกก็ต้องเช็ดขัดถูให้สะอาดใสเพื่อความสวยงาม ทุก ๆ ครึ่งชั่วโมงที่คุณเช็ดหน้าต่างนี้สามารถเบิร์นพลังงานได้ 150 แคลอรี่ ยิ่งในกรณีที่ต้องมีการปีนป่ายหรือต่อเก้าอี้เพื่อเช็ด ก็จะยิ่งต้องการพลังงานมากขึ้น และหากบ้านใครหลังใหญ่ ๆ มีหน้าต่างเยอะ ๆ ล่ะ ก็คุณคงต้องใช้เวลามากเกินครึ่งชั่วโมงในการทำความสะอาดมันแน่นอน
 5. จัดเตียง
          เตียงนอนผ้ามีผ้าปูตึงเปรี๊ยะ หมอนนุ่ม ๆ ฟู ๆ วางพร้อม ช่างเรียกร้องให้โถมกายลงไปนอนเสียจริง ๆ และวิธีการจัดเตรียมเตียงนอนให้น่านอนก็เป็นการออกกำลังกายได้ด้วย การที่คุณดึงผ้าปูเตียงทุกมุมให้ตึง พับผ้าห่ม ตบหมอน วางจัดเรียงให้พร้อม ช่วยให้คุณเผาผลาญพลังงานไปได้คราวละ 70 แคลอรี่ในทุก ๆ วัน

 6. ตัดหญ้า
          สำหรับบ้านที่มีบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เมื่อคราวที่หญ้าเริ่มงอกยาวจนดูรกตาก็ได้เวลามาออกกำลังกายกันสักยก การตัดหญ้าด้วยเครื่องตัดหญ้าที่คุณต้องออกแรงผลักและเข็นให้มันไปตัดหญ้าในพื้นที่ที่ต้องการสักครึ่งชั่วโมงก็ช่วยเผาผลาญพลังงานไปได้แล้วอย่างน้อย 135 แคลอรี่ และอาจพุ่งขึ้นอีกเท่าตัวได้เลยหากเครื่องตัดหญ้านั้นค่อนข้างหนัก หรือต้องกำจัดวัชพืชในพื้นที่ ๆ เข้าถึงยาก อย่าซอกเล็ก ๆ หรือพื้นที่ขรุขระ
 7. ล้างรถ
          พาหนะคันย่อมที่ช่วยพาเราไปไหนต่อไหนอย่างสะดวกสบาย แต่ถ้าใช้งานสมบุกสมบันไปหน่อย เจ้ารถคันเก่งก็ฝุ่นเขรอะขมุกขมัวได้ จึงต้องอาบน้ำให้มันสักหน่อย การล้างรถสักครึ่งชั่วโมงต้องการพลังงานอย่างน้อย 150 แคลอรี่ และจะยิ่งมากกว่านี้หากคุณอยากจะเสริมหล่อด้วยการขัดแว็กซ์ให้มันปลาบไปทั้งคัน

          เห็นไหมคะ ไม่ต้องไปถึงฟิตเนสก็สามารถออกกำลังกายได้เช่นกัน เริ่มจากหยิบจับทำงานบ้านของเรานี่เอง ได้ทั้งบ้านสะอาด ๆ และหุ่นสวย ๆ ไปพร้อมกันด้วยล่ะ :D



credit : teenee.com