วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554

หยุดท้องเสีย...ด้วยฝรั่ง



ถ้าอาหารจานแซบเกิดทำพิษให้คุณต้องท้องเสียจู๊ดๆ ขึ้นมาอย่าลืมเรียกหาพระเอกข้างบ้านอย่าง "ฝรั่ง" มาช่วยแก้สถานการณ์ เพราะฝรั่งลูกเขียวๆ จะช่วยให้ท้องของคุณกลับมาทำงานเป็นปกติอีก มีให้เลือกตั้ง 3 สูตรแน่ะ

สูตร 1 เลือกฝรั่งที่ยังอ่อนๆ อยู่มาหั่นเป็นชิ้นๆ จิ้มกินกับเกลือ หรือจะนำไปต้มเป็นน้ำฝรั่งดื่มก็ได้ผลเช่นเดียวกัน

สูตร 2 ใช้แต่ใบฝรั่ง 10-15 ใบ ล้างให้สะอาดแล้วตำพอแหลก เติมน้ำลงไป 1 แก้วใหญ่ แล้วนำไปต้มใส่เลือเล็กน้อย พอเดือดก็ยกลงทิ้งให้อุ่นแล้วนำมาดื่มแก้ท้องเสีย

สูตร 3 เด็ดใบฝรั่งที่ไม่อ่อนและไม่แก่เกินไปมาล้างให้สะอาด ตัดหัวตัดท้าย จากนั้นนำไปแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีตัวยาจากใบฝรั่งจะละลายอยู่ในน้ำ เราก็สามารถเอาน้ำนั้นมาจิบแก้ท้องเสียได้

ขอขอบคุณนิตยสาร LISA

credit pooyingnaka.com

นอนนั่งถูกท่ากายาปลอดโรค



นพ.วีระพันธ์ ควรทรงธรรม ผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ บอกว่า โรคปวดหลังและคอเป็นโรคที่สามารถเกิดได้ในทุกเพศทุกวัย และเกิดได้มากกว่า 1 ครั้งในชีวิต โดยขึ้นอยู่กับกิจวัตรประจำวัน เช่น การเล่นกีฬา การยกของหนัก ท่าทางที่ใช้ในการยืน การนั่ง การนอน ทั้งเวลาทำงานและอยู่ที่บ้าน

“โรคปวดหลังและคอเกิดได้ในทุกอาชีพ อาการปวดค่อยเป็นค่อยไป เช่น มีอาการปวดบริเวณคอจะเจ็บแปล๊บไปที่แขน ปวดเอวเจ็บแปล๊บไปที่ขา และหากเป็นต่อเนื่องโดยรับการรักษาทั้งยากิน ยาทา แล้วยังไม่หายใน 3 สัปดาห์ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้วิธีการผ่าตัดในการรักษา ซึ่งมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีก ทั้งจุดเดิมที่เคยปวด และจุดอื่น หากผู้ป่วยยังไม่ปรับเปลี่ยนกิจวัตรในการเคลื่อนไหว”ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูกสันหลัง กล่าว

หลายคนมักเข้าใจว่า การยกของหนัก 1 วัน การประสบอุบัติเหตุเช่น ตกจากที่สูง อุบัติเหตุ หรือเล่นกีฬาที่หักโหมเป็นสาเหตุของโรคปวดหลังและคอ ผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อธิบายว่า สาเหตุเหล่านี้ไม่ใช่ตัวการทำให้เกิดโรคปวดหลังและคอ เพราะอาการดังกล่าวมักหายใน 2-3 วันหลังการกินยาหรือทายาแก้ปวด

กรณีที่อาการปวดยังคงอยู่มากกว่า 4 สัปดาห์ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อรับการตรวจเพิ่มเติมเพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรง อาทิ กระดูกหัก หมอนรองกระดูกเสื่อมอันเป็นผลมาจากกระดูกอ่อนที่หุ้มกระดูกสันหลังแต่ละปล้องเกิดการฉีกขาด ภาวะข้อเสื่อม ช่องไขสันหลังตีบ เป็นต้น

การนอน เป็นสาเหตุให้เกิดการปวดหลังและคอได้อย่างหนึ่ง เพราะร่างกายเราต้องนอนวันละ 6-8 ชั่วโมง อุปกรณ์ในการนอนจึงสำคัญมาก ทั้งที่นอน หมอนหนุน ต้องไม่นุ่มหรือแข็งเกินไป ควรเลือกให้พอดี เช่น หมอนควรเลือกที่มีความสูงระดับไหล่ในขณะที่หนุน และใช้ช่วงต้นคอและศีรษะหนุนเพื่อให้หมอนรองกระดูกอยู่ในท่าที่ตรงแนบกับที่นอน

การนอนหงายที่ถูกวิธีควรหนุนหมอนที่ไม่สูงหรือต่ำเกินกว่าระดับไหล่ และใช้หมอนข้างรองช่วงข้อพับบริเวณหัวเข่า หรือเบาะรองนั่งรองจนถึงปลายเท้า เพื่อจัดร่างกายให้อยู่ในท่าที่หมอนรองกระดูกตั้งแต่คอถึงบั้นเอวได้นอนแนบกับที่นอนโดยที่กล้ามเนื้อไม่เกร็งหรืองอตัว

ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูกสันหลัง บอกอีกว่า ท่านอนคว่ำเป็นท่าที่ควรหลีกเลี่ยง แต่หากจะต้องนอนคว่ำควรใช้หมอนบางๆ รองช่วงท้อง ไม่ควรรองบนศีรษะ รวมถึงไม่ควรนอนอ่านหนังสือ นอนดูทีวี เพราะหมอนรองกระดูกบริเวณต้นคอจะต้องตั้งขึ้น และทำให้เกิดอาการปวดคอและหลังตามมาในที่สุด



ท่านอนตะแคงที่ถูกต้อง ควรมีหมอนข้างสำหรับรองรับช่วงขาและแขน เพราะหากไม่มีหมอนข้างรอง มีโอกาสสูงมากที่กล้ามเนื้อบริเวณกระดูกสันหลังช่วงบั้นเอวถึงช่วงสะโพกเกิดการเกร็งตัว และมีอาการปวดตามมา

“โรคปวดหลังและคอเมื่อเป็นแล้ว รักษาหายขาดได้กว่า 90% ด้วยวิธีพื้นฐานที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่โอกาสกลับมาเป็นซ้ำเกิดขึ้นได้ตลอดชีวิต โดยเฉพาะคนที่รับการรักษาแล้วไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การนอนดูทีวี นอนอ่านหนังสือบนเตียง เพราะมีผลให้เกิดการปวดหลังและคอตามมาระยะยาว”ผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าว

วิธีการรักษาโรคปวดหลังและคอโดยไม่ผ่าตัด แพทย์จะใช้วิธีพื้นฐานได้แก่ การพัก เพราะกรณีที่ปวดหลังจากสาเหตุทั่วไป การนอนพักจะทำให้อาการดีขึ้นได้ภายใน 1-2 วันโดยที่สามารถลุกนั่ง ทานอาหาร และเข้าห้องน้ำได้

สำหรับการกินยา จะใช้ในรายที่มีอาการปวดเฉียบพลัน ได้แก่ การกินยาแก้ปวด ยาต้านการอักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อ และยากล่อมประสาท เนื่องจากอาจมีภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ยาได้ เช่น อาการระคายเคืองทางเดินอาหาร หรือแพ้ยา

การทำกายภาพบำบัด แพทย์เวชปฏิบัติจะแนะนำการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง เพื่อดูแลสุขภาพหลังตลอดจนการรักษาด้วยเครื่องนวดอัลตร้าโซนิก เครื่องนวดรังสีความถี่สั้น การประคบร้อน-เย็น การใช้อุปกรณ์สำหรับกระดูกสันหลังช่วยพยุงต้นคอ รวมถึงการใช้โปรแกรมออกกำลังกายเพื่อทำกายภาพบำบัด

วิธีการฉีดยาลดการอักเสบเฉพาะที่ จะเป็นวิธีที่แพทย์เลือกใช้เฉพาะบางรายที่มีอาการปวดรุนแรงมาก รวมถึงรายที่ได้รับยาแก้ปวดแล้ว ทำกายภาพบำบัดแล้วไม่ดีขึ้น แพทย์จะเลือกใช้วิธีฉีดยาสเตียรอยด์ เข้าโพรงกระดูกสันหลังบริเวณที่เกิดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท กระดูกทับเส้นประสาท หรือข้อต่อกระดูกสันหลัง เพื่อลดการอักเสบบริเวณดังกล่าว

นางสาว ญาวี ชำนาญสิงห์ นักกายภาพบำบัด แผนกกายภาพบำบัด คลินิกกายภาพบำบัดผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เสริมว่า สำหรับคนที่ต้องนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ สามารถนั่งให้ถูกท่าทางลดการเจ็บปวดได้

“การนั่งหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ หน้าจอควรอยู่ระดับที่สายตาทำมุมเอียงลงประมาณ 45 องศา และที่วางมือควรอยู่ระดับที่ข้อศอกงอประมาณ 10 องศา โดยที่มือวางในระดับที่ไม่แหงนมือ เพราะจะทำให้เกิดปัญหาด้านหน้าข้อมือ เช่น การอักเสบบริเวณพังผืดหน้าข้อมือ ซึ่งมีโอกาสปวดเรื้อรังสูงหากไม่รักษา หรือรักษาแล้วไม่ปรับวิธีการใช้คอมพิวเตอร์ให้ถูกสุขลักษณะ”นักกายภาพบำบัด โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าว

การนั่งบนเก้าอี้ควรนั่งเต็มก้น หลังตรงชิดเบาะ โดยมีเคล็ดง่ายๆคือการแขม่วหน้าท้องน้อยช่วยก็จะทำให้กระดูกสันหลังได้ระดับที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น พร้อมกับวางฝ่าเท้าทั้งสองให้เต็มเท้า หากเก้าอี้สูงควรหากล่องหรือลังมารองให้ได้ระดับ หากทำได้เพียงเท่านี้ก็จะมีร่างกายที่พร้อมจะลุยกับทุกสถานการณ์ได้แล้ว

credit pooyingnaka.com

การตรวจเต้านม ที่ดีกว่า แมมโมแกรม



เป็น ที่รู้กันดี ว่า วิธีการที่ดีที่สุด ในการ ป้องกัน มะเร็งเต้านม คือ การตรวจเต้านม บ่อยๆ ทั้ง ตรวจด้วยตัวเอง และ ตรวจด้วย การทำ แมมโมแกรม โดยแพทย์ เป็นประจำทุกๆปี

แต่ว่า การ ตรวจเต้านม ด้วยแมมโมแกรม นั้นเจ็บมากๆ เพราะ เครื่อง ตรวจแมมโมแกรม จำเป็นต้องกด หน้าอก เราจนแนบสนิท เหมือนบดแป้งทีเดียว เพื่อให้เครื่องทำการ แสกน และ อ่านผล หาสิ่งผิดปรกติ ในหน้าอก ออกมาให้ได้ 100% และ ถ้าพบ สิ่งน่าสงสัย ล่ะ ก็ ขั้นตอนต่อไปคือ การ ตัดชิ้นเนื้อต้องสงสัยไปตรวจ คงไม่ต้องบอกนะคะ ว่า มันเจ็บแสนเจ็บยังไงบ้าง

ข่าวดีก็ คือ เดี๋ยวนี้ เค้ามี วิธีการตรวจเต้านม ที่ดีกว่า การตรวจแมมโมแกรม แล้ว ด้วยกัน 2 วิธี
1) การ ตรวจด้วย อัลตร้าซาวด์ วิธีใหม่ ที่เรียกกันว่า การตรวจความยืดหยุ่น เป็นการตรวจแบบสามมิติ คุณหมอจะใช้ เจ้าเครื่องตรวจนี่ แตะๆ รอบหน้าอก และ ก้อนที่สงสัย เพื่อสร้างภาพเนื้องอก จากมุมต่างๆ สัญญาณภาพ จะส่งไปที่ คอมพิวเตอร์เพื่อประมวลผล วิเคราะห์ลักษณะ เนื้องอก ว่า นุ่มหรือแข็ง มีโอกาสเป็นเนื้องอกธรรมดา (ซึ่งจะนุ่มๆ) หรือ มีโอกาสเป็น เนื้อร้าย (มักจะแข็งๆ) ผลตรวจ เต้านมผู้หญิง 635 คน ด้วยเครื่องมือชนิดนี้ พบว่า การวินิจฉัยแม่นยำถึง ร้อยละ 98.6% โดยไม่จำเป็นต้อง เจ็บหน้าอก และ ไม่จำเป็นต้องตัดชิ้นเนื้อ ด้วย ขณะนี้ มีใช้แล้ว ที่อเมริกา (นายแพทย์ ริชาร์ท จี แบร์ มหาวิทยาลัย นอร์อีสเทิร์นโอไฮโอ) สำหรับสาวไทย รอกันอีกนิดนะจ๊ะ

2) การตรวจเอ็กซเรย์ คอมพิวเตอร์ด้วยรังสีต่ำ ร่วมกับการตรวจสแกน ด้วยการรังสี (เช่นเดียวกับการตรวจระบบเลือด ที่ไหลเวียน บริเวณหัวใจ) ก็ สามารถช่วยให้คุณเห็น ภาพ สามมิติของ เต้านม โดยไม่จำเป็น ต้อง ถูกบีบหน้าอกเจ็บๆ ขณะตรวจ และ ยังสามารถตรวจพบก้อนผิดปกติ ขนาดเล็กๆ ที่ไม่สามารถตรวจพบได้ด้วย แมมโมแกรม อีกด้วย เพียงนอนคว่ำบนเตียง ตรวจ ที่มีช่อง กลมๆสองช่อง เจาะมาพอดีสำหรับ หน้าอก โดยเฉพาะ ฃึ่งจะติดเครื่องมือตรวจอยู่ข้างใต้ นอกจากนี้ เทคโนโลยีนี้ ยังเจ๋งตรงที่ สามารถใช้ติดตามผล และ ขนาดของก้อนเนื้อ หลังการรักษา ด้วยเคมีบำบัดต่อไปได้อีก 5 ปี (ดร.มาร์ทิน ทอร์นาย มหาวิทยาลัยดุค)

ดีจัง ที่มี เทคโนโลยีใหม่ๆ มาใฃช่วยให้ สาวๆ อย่างเรา ห่างไกล มะเร็งเต้านม แล้ว

credit pooyingnaka.com

เส้นเลือดขอด โรคฮิตของคุณผู้หญิง



อาการเส้นเลือดขอดหรือ Varicose vein เกิดจากความผิดปกติของลิ้น และผนังหลอดเลือดดำ ทั้งนี้ปกติเวลาที่เรายืน แรงโน้มถ่วงของโลกจะดึงดูดเลือดในเส้นเลือด ให้ลงไปสู่สนามแม่เหล็กโลก ทำให้เลือดที่ขามีแรงดันในผนังเส้นเลือด มากกว่าเลือดที่อยู่ส่วนบนของร่างกาย หากมีการอุดตันของลิ้นในหลอดเลือดดำ หรือมีการอักเสบที่ผนังหลอดเลือดดำร่วมด้วย ก็จะยิ่งทำให้เลือดคั่งอยู่ใน หลอดเลือดส่วนปลาย จึงทำให้ผนังหลอดเลือดดำที่ชั้นใต้ผิวหนัง เกิดการขยายตัวแบบผิดปกติ กลายเป็นเส้นเลือดขอดตามมา

อาการของเส้นเลือดขอด

โดยปกติคนที่เป็นเส้นเลือดขอด จะมีอาการทางกายที่สังเกตเห็นได้ด้วยตัวเอง คือ มีเส้นเลือดโป่งพองสีเขียวคล้ำ คดไปมาเกิดขึ้นตามจุดต่างๆ ของร่างกาย ตั้งแต่บริเวณตาตุ่ม น่อง ขาพับ ต้นขา โคนขา สะโพก หน้าท้อง และตามส่วนอื่นๆ เมื่อกดดูจะรู้สึกเจ็บและตึงบริเวณที่เป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนการมีประจำเดือน อาการเหล่านี้จะยิ่งแสดงออกมากขึ้น

ในรายที่เป็นหนัก หากยืนหรือนั่งในอิริยาบถเดิมๆ เป็นเวลานานหลายชั่วโมง จะยิ่งมีอาการปวดขาและบวมที่เท้า เนื่องจากปริมาณของเลือดและน้ำเหลือง ไปคั่งบริเวณขาและเท้ามากกว่าคนปกติ ทำให้มีน้ำเหลืองซึมออกมานอกเส้นเลือด เกิดอาการเกร็งแบบผิดปกติของกล้ามเนื้อ จนทำให้เป็นตะคริวในตอนกลางคืน และรู้สึกคันที่ผิวหนังบริเวณนั้น หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาอย่างถูกวิธีจากแพทย์ อาจทำให้เกิดการอักเสบ จนเส้นเลือดในบริเวณนั้นแตก และเป็นอันตรายได้

ใครคือกลุ่มเสี่ยง

อาการเส้นเลือดขอด มักพบในผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 40 -50 ปี ผู้สูงอายุ คนอ้วน และหญิงมีครรภ์ ทั้งยังพบอีกว่า หากคนในครอบครัวเคยมีประวัติเป็นเส้นเลือดขอดมาก่อน ก็มีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคดังกล่าวในอนาคตมากกว่าคนทั่วไป

ทั้งนี้ ผู้ที่มีอายุน้อย ก็มีอัตราเสี่ยงต่ออาการเส้นเลือดขอดได้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอาชีพที่ต้องยืนหรือนั่งนานๆ เช่น พนักงานต้อนรับ บริกรร้านอาหาร ทันตแพทย์ พนักงานในห้างสรรพสินค้า รวมทั้งพนักงานบริษัทที่ต้องนั่งทำงานเป็นเวลานานๆ เป็นต้น



การรักษาอาการเส้นเลือดขอด

ในปัจจุบัน แพทย์มีวิธีในการรักษาอาการเส้นเลือดขอดอยู่สองแนวทางคือ การรักษาแบบประคับประคอง โดยจะเน้นหนักไปในทางการป้องกันและรักษาตามอาการ เช่น หากบริเวณที่เป็นเส้นเลือดขอดมีอาการปวด ก็ให้ใช้การบีบนวด การเปลี่ยนอิริยาบถ หรือการใส่ถุงน่องชนิดพิเศษ เพื่อรัดประคองเส้นเลือดดำตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อช่วยลดอาการบวมของขา เป็นต้น

การรักษาโดยการผ่าตัด ซึ่งแพทย์จะใช้เมื่อมีอาการหนัก หรือมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่เป็นอันตราย เช่น เท้าบวมมาก มีแผลเรื้อรัง ผิวหนังบริเวณนั้นอักเสบ เป็นต้น ทั้งนี้ยังพบว่า ถึงแม้ว่าจะรักษาโดยการผ่าตัดแล้วก็ตาม หากยังต้องยืนหรือนั่งด้วยอิริยาบถเดิมๆ เป็นเวลานานๆ ผู้ป่วยก็มีโอกาสกลับมาเป็นเส้นเลือดขอดได้อีก

ทำอย่างไรเมื่อเป็นเส้นเลือดขอด

คำแนะนำเบื้องต้น สำหรับผู้เป็นเส้นเลือดขอดในระยะเริ่มแรก

• ไม่ควรยืนหรือนั่งเฉยๆ เป็นเวลานาน เพราะจะทำให้แรงดันในเส้นเลือดดำสูงขึ้น จนเกิดอาการเจ็บที่บริเวณเส้นเลือดขอดได้ ควรปรับเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ เพื่อให้ร่างกายได้มีโอกาสส่งเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆได้อย่างเต็มที่
• หาเวลาออกกำลังกายตามสภาพอายุ เช่น เต้นแอโรบิค เล่นโยคะ การเดิน เป็นต้น เพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อ ช่วยให้ลิ้นของเส้นเลือดดำมีการเปิดปิดได้สะดวก และระบบเลือดในร่างกายมีการหมุนเวียนที่ดีขึ้น
• หลีกเลี่ยงการสวมสเตย์หรือเสื้อผ้าที่รัดติ้ว เพราะจะยิ่งทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือด และลิ้นของเส้นเลือดดำทำงานลำบากขึ้น
• พยายามนอนยกขาให้สูงกว่าระดับหัวใจ โดยใช้หมอนหนุนบริเวณปลายเท้า หรือใต้หัวเข่า ซึ่งจะช่วยให้เลือดหมุนเวียนได้ดีขึ้น และลดอาการปวด และทำให้ลักษณะของเส้นเลือดขอดมีขนาดเล็กลง เป็นต้น

ยุงลาย..ภัยร้ายหน้าฝน



เภสัชกร แนะ! พ่อแม่ ดูแลลูกน้อยอย่างใกล้ชิด ภัยร้ายหน้าฝน... ห่างไกลยุงลาย ห่างไกลไข้เลือดออก

เมื่อเข้าสู่หน้าฝน... โรคระบาดที่ต้องเฝ้าระวังเป็นอันดับต้นๆ คงหนีไม่พ้น “ไข้เลือดออก” โรคติดต่อที่มียุงลายเป็นพาหะ เพราะเมื่อฝนตกสิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ น้ำท่วมขัง ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงชั้นเยี่ยมบวกกับสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวและมีความชื้นสูง นับเป็นช่วงเวลาที่มียุงลายชุกชุม จึงทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคไข้เลือดออกสูง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก

ด้วยเหตุนี้... สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) จึงขอแนะนำ ผู้ปกครองช่วยกันปกป้อง ดูแลลูกน้อยอย่างใกล้ชิด ให้ห่างไกลยุงลาย ห่างไกลไข้เลือดออก...

ภก.วิพิน กาญจนการุณ นายกสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) แนะว่า ไข้เลือดออก ปัจจุบันมีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส 2 ชนิด คือ เชื้อ “ชิกุนกุนย่า” และ เชื้อ “เดงกี่” โดยในเมืองไทยจะรู้จักเชื้อเดงกี่มากกว่า ซึ่งมียุงลายตัวเมียเป็นพาหะนำเชื้อ ยุงลายจะออกหากินในเวลากลางวัน หากเป็นผู้ใหญ่การหลีกเลี่ยงยุงลายกัดคงเป็นเรื่องง่าย แต่สำหรับเด็กแล้วเป็นเรื่องที่ยากในการระวังยุงลาย ดังนั้น ผู้ปกครอง ครู อาจารย์จะต้องระวังให้เด็กๆ เป็นพิเศษ

ทั้งนี้ทางสมาคมเภสัชฯ จึงแนะ! วิธีการสังเกตอาการ การดูแลผู้ป่วยเบื้องต้น รวมถึงการป้องกันโรค เพื่อให้เด็กไทยไร้กังกลจากภัยร้ายหน้าฝนนี้...

สังเกตอาการ : มีไข้สูง 2-7 วัน (38-40 องศา) เบื่ออาหาร ปวดศีรษะ มึนงง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อาเจียน อ่อนเพลีย ซึม หน้าแดง ตัวแดง อาจมีผื่น หรือจุดแดงๆ ตามลำตัว แขนและขา มีปัญหาทางกระเพาะปัสสาวะ มีเกล็ดเลือดต่ำ

หากไม่รีบไปพบแพทย์อาจเข้าสู่ภาวะช็อก โดยจะเริ่มมีอาการกระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเร็ว อาเจียนมาก ปวดท้อง ผิวหนังเย็นชื้นและดูไม่สบายตัว

การดูแลผู้ป่วยเบื้องต้น : เมื่อเด็กมีไข้สูง ควรเช็ดตัวเพื่อลดไข้และให้ยาลดไข้ โดยเลือกพาราเซตามอลชนิดน้ำเชื่อม เพราะเด็กจะกินได้ง่าย

โดยผู้ปกครองควรอ่านฉลากและให้ตามขนาดยาที่เขียนบนฉลาก ทุกๆ 4-6 ชั่วโมง เมื่อไม่มีไข้ก็หยุดยาได้ ห้ามใช้ยาแอสไพรินซึ่งจะส่งผลขัดขวางการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดและทำให้อาการของไข้เลือดออกรุนแรงขึ้น อาจมีเลือดออกในกระเพาะได้ และอาจเข้าสู่ภาวะช็อก

สังเกตได้จากเด็กจะเพลีย กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น นอกจากให้ยาลดไข้แล้ว ควรพยายามให้เด็กดื่มน้ำ น้ำผลไม้ น้ำแกงจืด หรือน้ำเต้าหู้ ถ้าดูแลเบื้องต้นแล้วเด็กยังมีไข้เกิน 3 วัน หรือมีอาการเลือดออก เช่น จุดสีแดงเล็กๆ ที่ผิวหนังบริเวณแขน ขา ลำตัว หน้า อาจมีเลือดกำเดาไหล หรืออาเจียนเป็นเลือดให้รีบนำส่งโรงพยาบาล

ข้อควรระวังหากเด็กมีไข้ลดลง แต่มีอาการตัวเย็น ซึม อ่อนเพลีย กระสับกระส่าย ผิวหนังเย็นชื้น เหงื่อออกมาก หรือไม่รับประทานอาหารเลย แสดงว่าเริ่มเข้าสู่ภาวะอันตราย คือ อาการช็อก ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน

วิธีป้องกัน : ระวังอย่าให้เด็กถูกยุงกัด โดยเฉพาะในเวลากลางวัน ให้เด็กอยู่ในบริเวณที่สว่าง ไม่อับลมและเวลานอนต้องนอนในมุ้ง ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงและแหล่งน้ำขัง เช่น ในตุ่มเก็บน้ำ แจกันดอกไม้ ยางรถยนต์ที่ไม่ใช้แล้ว เปลือกผลไม้หรือกาละมังและชามที่ขังน้ำไว้ โดย ปิดฝาตุ่มเก็บน้ำเสมอ เปลี่ยนถ่ายน้ำในแจกันเป็นประจำ เป็นต้น

“แม้ไข้เลือดออกจะพบมากในเด็ก แต่คนทุกเพศทุกวัยก็จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงและสามารถเป็นได้เช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นโรคทีjอันตรายกว่าที่หลายคนคาดคิด ในปีหนึ่งๆ คร่าชีวิตคนไทยไปไม่น้อย

ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก การป้องกันจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด และถ้าบุตรหลานเป็นแล้วก็ต้องคอยสังเกตอาการ และดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย... ถึงน่ากลัว แต่ก็สามารถป้องกันได้ เพราะถ้าไม่มียุงลาย ก็ไม่มีโรคไข้เลือดออก” นายกสมาคมเภสัชฯ กล่าวทิ้งท้าย

credit pooyingnaka.com

รู้ทัน 2 เชื้อร้าย สาเหตุโรคอันตรายเยื่อหุ้มสมองอักเสบ



เด็กเล็กยังมีภูมิคุ้มกันโรคไม่มากนักเนื่องจากร่างกายของเขายังเจริญเติบโตไม่เต็มที่และยังไม่แข็งแรงพอที่จะต้านเชื้อโรคร้ายแรงได้ โดยเฉพาะสองเชื้อร้ายอย่างนิวโมคอคคัสและเอ็นทีเอชไอ ซึ่งเป็นเชื้อโรคที่ทำให้เกิดโรคไอพีดี ปอดบวมและโรคหูชั้นกลางอักเสบ นับได้ว่าเป็นเขื้อที่มีอันตรายร้ายแรง มีความทนทานและมีความเสี่ยงในการดื้อยาสูง วันนี้คุณแม่ทั้งหลายลองมาทำความรู้จักกับโรคอันตรายอย่างไอพีดีซึ่งเป็นโรคที่พบบ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี เพื่อการป้องกันที่ดีและเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงพร้อมรอยยิ้มสดใสของเจ้าตัวเล็กกันเถอะค่ะ

โรคไอพีดี (IPD) INVASIVE PNEUMOCOCCAL DISEASEหรือโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสชนิดรุนแรง เช่น โรคติดเชื้อในกระแสเลือด โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบเป็นโรคติดเชื้อร้ายแรงที่อาจทำให้สมองพิการได้ คุณแม่ลองมารู้จักกับระบบอวัยวะที่เกิดการติดเชื้อได้บ่อยกันดีกว่าค่ะว่ามีอะไรบ้าง

- การติดเชื้อในระบบประสาท เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เด็กจะมีไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน คอแข็ง ในเด็กทารกจะวินิจฉัยยาก อาจมีการงอแง ซึมไม่กินนม และชักได้ หากไม่ได้รับการรักษาทันเวลาอาจเสียชีวิตหรือเกิดความพิการตามมาได้ เช่น เป็นโรคลมชัก หูหนวก ปัญญาอ่อน

- การติดเชื้อในกระแสเลือด เด็กจะมีไข้สูง ร้องกวน งอแง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา เช่น ช็อก เสียชีวิต นอกจากนี้เชื้ออาจกระจายไปสู่อวัยวะอื่นๆ เช่น เยื่อหุ้มสมอง ปอด กระดูกและข้อ เป็นต้น

- การติดเชื้อทางเดินหายใจที่รุนแรงที่มีการลุกลามเข้าในสมองหรือกระแสเลือด เช่น ปอดอักเสบชนิดรุนแรงที่มีการติดเชื้อในกระแสเลือดร่วมด้วย เด็กจะมีอาการไข้ ไอ หายใจเร็ว หอบ ซึ่งอาจรุนแรงถึงต้อง ใส่เครื่องช่วยหายใจและเสียชีวิตได้ถ้ารับการรักษาล่าช้า หรือการติดเชื้อหูน้ำหนวกที่ลุกลามเข้าสู่สมอง

คุณแม่ๆคงไม่อยากให้ลูกของเราติดเชื้อไอพีดีไม่ว่าจะระบบไหนก็ตามจริงไหมคะ การรู้จักกับอาการของโรคและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจะช่วยให้คุณแม่ระวังและตื่นตัวในการดูแลสุขภาพของลูกๆมากขึ้น นอกจากนี้ การรับวัคซีนเพื่อป้องกันโรคร้ายแรงทั้ง3โรคดังกล่าว คือ โรคไอพีดี ปอดบวมและหูชั้นกลางอักเสบก็นับเป็นทางเลือกหนึ่งในการป้องกัน 2เชื้อร้าย 3โรคอันตรายในเด็กได้เป็นอย่างดี คุณแม่สามารถปรึกษาคุณหมอเพื่อรับคำแนะนำในการพาลูกน้อยที่อายุน้อยกว่า 5ปีไปรับวัคซีนได้แล้วนะคะ เพราะในปัจจุบันเมืองไทยเรามีวัคซีนที่สามารถป้องกันครอบคลุมได้ทั้ง3โรคร้ายดังกล่าวจาก2เชื้อร้ายแล้ว ต่อไปนี้คุณแม่ก็ไม่ต้องกังวลแล้วว่าลูกน้อยจะเสี่ยงเป็นโรคอันตรายที่อาจกลายเป็นถึงชีวิตแล้วล่ะค่ะ

credit pooyingnaka.com

เพิ่มเสน่ห์ให้เรียวปาก



ลิปสติก เมคอัพประจำกายหญิงสาวอีก 1 ชิ้นที่ขาดไม่ได้ สีสันก็เป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งตอนนี้เทรนด์สีแดง เริ่มอินมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ผู้หญิงส่วนมากก็ยังเลือกได้ไม่ค่อยถูกใจตัวเองสักเท่าไหร่

คุณดวง วรรณพร โปษยานนท์ ไฮโซสาวพ่วงด้วยแฟชั่นคอลัมนิสต์อิสระ พีอาร์และมาร์เกตติ้งของแบรนด์ Emilio Pucci และ Christain Lacroix เป็นคนหนึ่งที่นิยมทาปากสีแดง ได้แนะนำวิธีการทาปากสีแดงเอาไว้ง่าย ๆ

“ลิปสติกสีแดง ดวงคิดว่าเป็นสีที่มีเสน่ห์ดึงดูด ทำให้ผู้หญิงมีความมั่นใจมากขึ้น แต่บางทีสีแดงก็เป็นสีที่อันตราย เป็นดาบสองคม ฉะนั้นต้องดูสีโทนแดงให้ดีเพราะมีหลายเฉด ถ้าผิวคล้ำก็อาจจะแดงกล่ำๆ แดงเชอร์รี่ ดูวินเทอร์ แต่ถ้าเป็นคนหวานปรับเป็นแดงไม่เข้า อาจต้องเริ่มเปลี่ยนตัวเองเป็นแดงอมชมพู หรือถ้าเป็นแดงสด ต้องสำหรับคนเปรี้ยวเท่านั้น”

นอกจากนี้การทาลิปสติกให้สวย ต้องรู้จักวิธีจุดสำคัญของริมฝีปากตัวเองก่อน ทั้งนี้ แบนรด์ Za ได้แนะนำวิธีดูริมฝีปากแบบง่ายๆ มาบอก ได้แก่ จุดสูงสุดของริมฝีปากบนจะตรงกับกึ่งกลางใต้รูจมูก มุมปากทั้งสองด้านโดยมากจะตรงกัน และได้รูปชัดเจน ส่วนแนวริมฝีปากล่าง จะใกล้เคียงกับแนวขากรรไกร

มาถึงขั้นตอนการทาลิปสติก ให้เปิดปากเล็กน้อยคล้ายการออกเสียงตัว A ทาลิปสติกจากกึ่งกลางออกด้านข้างให้ทั่วริมฝีปาก จากนั้นจรดปลายตัดเฉียงของแท่งลิปสติกจากมุมปากบนและล่าง ให้ทาเข้ากึ่งกลางริมฝีปากจนถึงรอยหยัก ทำเหมือนกันทั้งมุมปากซ้ายและขวา

ส่วนใครอยากให้ริมฝีปากอวบอิ่มกว่าปกติ ถ้าแต่งหน้าใสๆ ให้ใช้ลิปกลอสเคลือบทั่วทั้งปากอีกครั้ง แต่ถ้าใครไม่ชอบ แนะนำให้ใช้ดินสอเขียนขอบปากสีใกล้เคียงกับลิปสติกเขียนเกินแนวปากออกมาเพียงเล็กน้อย

แค่นี้ก็มีเรียวปากสีแดง สวยสมใจแล้ว ที่สำคัญ ต้องมั่นใจ เรียวปากอวบอิ่มก็จะอยู่คู่กับคุณแล้ว


ขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจาก เดลินิวส์


Never-Age.com

credit teenee.com

วิธีง่าย ๆ ให้สาวเวลาน้อย เป็นเจ้าของผมสวย



สารพัดวิธีง่าย ๆ ที่จะทำให้สาวทำงานเวลาน้อยอย่างคุณสามารถเป็นเจ้าของผมสวยได้เสมอ

1. งดใช้ไดร์เป่าผมชั่วคราว
ตลอดหนึ่งสัปดาห์ให้เส้นผมของคุณได้พักจากการแต่งทรงด้วยความร้อน ม้วนผมเป็นมวยสูง ๆ กลางศีรษะขณะที่รอให้ผมแห้ง วิธีนี้จะเพิ่มวอลุ่มให้ผมได้อย่างมาก หรืออาจปล่อยให้ผมแห้งขณะแต่งตัว (การใช้นิ้วมือสางผมจะทำให้ผมแห้งเร็วขึ้น) แล้วม้วนโรลทิ้งไว้ในช่วง 5-10 นาทีสุดท้าย

2. เพิ่มความเงางาม
คราบตกค้างของผลิตภัณฑ์แต่งผมทำให้เส้นผมดูหยาบกร้าน คืนความเงางามให้เส้นผมด้วยการล้างคราบตกค้างให้หมด ด้วยการใช้น้ำส้มสายชูล้างเส้นผมราว 15-20 ครั้ง และเคลือบเส้นผมด้วยผลิตภัณฑ์เพิ่มความเงางาม

3. สร้างคลื่นผม
ขณะที่ผมยังขึ้น ๆ ให้ถักผมเป็นเปีย แล้วฉีดด้วย เจลแบบสเปรย์ ปล่อยให้แห้ง แกะเปียกออกแล้วใช้นิ้วสางผม

4. ตัดผมด้านหน้า
จะเป็นหน้าม้าตรง ๆ หรือซอยไล่ระดับความยาวให้บาง ๆ ก็ได้ แต่ถ้าตัดอยู่แล้วก็ทาเจลแล้วหวีเสยขึ้นไปบ้างบน

5. ลอนผมสำหรับผมสั้น
ถ้าผมไม่ยาวพอที่จะถักเปีย ก็ให้แบ่งผมเป็นส่วนทาด้วยเจล แล้วม้วนเป็นก้นหอย ทิ้งไว้ให้แห้ง แกะออก แล้วใช้ปลายนิ้วสางเบา ๆ อย่าหวี ไม่เช่นนั้น ลอนผมจะแตกและดูฟู

6. เติมความหอมให้เส้นผม
เติมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่คุณชอบลงในคอนดิชันเนอร์ ทาให้ทั่วเส้นผมแล้วทิ้งไว้ 30 วินาทีก่อนล้างออก อีกวิธีหนึ่งก็คือเติมน้ำมันหอมระเหยลงในน้ำ และใส่กระบอกสเปรย์ใช้ฉีดเส้นผม

7. บำรุงรากผม
นวดศีรษะ 5-10 นาที โดยใช้ปลายนิ้ว (ไม่ใช่เล็บ) จะใช้น้ำมันหอมระเหยหรือไม่ใช้ก็ได้ ถ้ามีแฟนช่วยนวดให้ก็จะยิ่งผ่อนคลายเป็นสองเท่า

8. เกล้าผม
สำหรับผมเกล้าแบบง่าย ๆ ทำได้โดยก้มตัวลงและหวีผมจากโคนไปหาปลาย จากนั้น เริ่มต้นที่ข้างหูข้างใดข้างหนึ่ง ม้วนผมใช้ชิดหนังศีรษะ ม้วนไปเรื่อย ๆ จนไปถึงหูอีกข้างหนึ่ง แล้วเหน็บปลายผมไว้ในมวยผมด้วยกิ๊บสีดำ

9. ใช้แฮร์พีซ
ถ้าผมยาวอยู่แล้ว อาจเติมผมหน้าม้าปลอม เพื่อความแปลกใหม่ หรือถ้าผมสั้นก็ให้เติมแฮร์พีซ เพื่อเพิ่มความยาว

10. ผูก ๆ พัน ๆ
ขณะที่ผมยังชื้น ๆ แบ่งผมเป็นส่วน ๆ แล้วม้วนกับแถบผ้ายาว ๆ มัดปลายผ้าให้แน่น ปล่อยให้แห้งแล้วจึงแกะออก ดูซิว่าคุณจะได้ลอนผมแบบไหน ถ้าผมสั้นก็ให้คาดผ้าทับโคนผมและปล่อยให้ผมแห้ง รากผมก็จะยกขึ้นทันใจ

11. เปลี่ยนแสกผม
ถ้าคุณแสกกลางก็เปลี่ยนเป็นแสกข้าง ถ้าแสกข้างก็เปลี่ยนเป็นแสกกลางหรือเปลี่ยนข้างแสก เพื่อให้สนุกขึ้น ก็ลองแสกผมแบบซิกแซ็กดู

12. แทรกลอนผม
ขณะผมยังหมาด ๆ สุ่มจับผมขึ้นมาเป็นช่อเล็กๆ ทาเลจลงบนเส้นผมแล้วจับผมให้งอเป็นรูปตัวซี แล้วใช้กิ๊บติดให้แนบลงด้านข้าง จากนั้น หยิบผมขึ้นมาอีกช่อ และทำแบบเดียวกันแต่คนละทิศทาง ทำแบบนี้สักสามสี่ช่อ ปล่อยให้แห้ง แล้วแกะออกผมจะมีลอนเล็ก ๆ แทรกอยู่เป็นระยะ

13. เปลี่ยนสีผม
คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสีไปโดยสิ้นเชิงก็ได้ แค่ใช้อ่อนลงเล็กน้อยก็พอ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมแบบชั่วคราวหรือกึ่งถาวร เพื่อจะได้ไม่ติดทนนานเกินไป เผื่อคุณไม่ชอบ หรืออาจลองใช้มาสคาร่าสีแต้มที่โคนผมหรือปลายผม เพื่อเป็นไฮไลต์

14. หวีเสย
ใช้ได้สำหรับผมทุกความยาว หวีเจลลงบนเส้นผมด้วยหวีซี่ละเอียด ๆ และปล่อยให้แห้งเอง ตามธรรมชาติ จบด้วยปอมเมด

15. ผสมผสานผลิตภัณฑ์
ผสมชิลิโคนหนึ่งหรือสองหยดกับเจลขนาดเหรียญห้าบาท ก่อนทาลงบนเส้นผม หรือถ้าคุณใช้มูสก็ใช้เฉาพะที่โคนผมและฉีดเจสเปรย์ที่มีน้ำหนักเบาที่ปลายผม ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการความพองที่ไหน และตรงไหนที่อยากให้ผมดูมีน้ำหนัก

16. ถักเปียกเล็ก ๆ
เฉพาะผมด้านบน จับเส้นผมขึ้นมาส่วนหนึ่งแล้วถักเปียกจากโคนจนถึงปลายผมถักสักสามสี่อัน และปล่อยให้ผมส่วนอื่นเหยียดตรง

17. ใช้ผ้าคาดผม
ผมที่กำลังยาวไม่เป็นทรง สามารถพรางตาได้ด้วยวิธีนี้จนกว่าจะมีเวลาไปตัดใหม่

18. โพกผม
ลองใช้ผ้าพันคอผ้าไหมผูกผมดูหลาย ๆ แบบ อาจใช้เป็นแค่ที่คาดผมหรือโพกทั้งศีรษะ เพื่อสีสันสดใส่ขึ้นอาจใช้ผ้าพันคอสองผืนประกบคู่กัน

19. พันเส้นผมกับเชือกสี ๆ หรือริบบิ้น
จับผมแยกสองข้าง สอดริบบิ้นลงตรงกลาง แล้วพันผมไขว้กับเชือกไปมาจนสุดปลายผม

20. เล่นกับปลายผม
รวบผมทั้งหมดของคุณไว้ด้วยกัน แล้วม้วนด้วยโรลไฟฟ้าหรือโรลธรรมดา ให้ลอนผมงุ้มเข้าหรืองอออกตามต้องการ ถ้าผมสั้นก็ทาเจลแล้วใช้ปลายนิ้วม้วนปลายผมให้งอนออกหรืองุ้มเข้า ขณะใช้ตัวกระจายลมเป่าให้แห้ง



แผนดูแลผมตลอดปี...ให้ผมสวยตลอดกาล

ใช่แล้ว...การมีทรงผมสวยตลอดเวลาเป็นเรื่องที่เป็นไม่ได้ และไม่ยากเย็นอย่างที่คิดด้วย ทั้งหมดที่คุณต้องการก็คือวางแผนการดูแลเส้นผมอย่างสม่ำเสมอ แล้วการดูแลผมให้สวยเสมอก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป

กฎพื้นฐาน เพื่อให้แน่ใจว่าผมของคุณจะดูสวยตลอดเวลา มันจำเป็นต้องเริ่มด้วยการตัดผมที่ดี ซึ่งต้องเริ่มด้วยการพูดคุยกับช่างอย่างละเอียดละออ ตั้งแต่ลักษณะของเส้นผมของคุณ ลุคที่คุณอยากได้ ระดับความยาวของผมที่คุณต้องการไปจนถึงการดูแลรักษาและการแต่งทรงที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ ซึ่งคุณจะสามารถทำไปได้ตลอด

วันละครั้ง การแปรงผมเป็นเรื่องจำเป็นเรื่องแรกในการทำให้ผมของคุณมีสุขภาพดีและจัดทรงได้ง่าย เลือกใช้หวีหรือแปรงที่เหมาะกับลักษณะเส้นผมของคุณก็จะทำให้หวีได้ง่ายขึ้น การสระผมก็ควรเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรการดูแลประจำวันของคุณด้วย แต่ถ้าผมคุณไม่เหมาะจะสระทุกวัน พยายามทำความสะอาดเส้นผมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง และใช้แชมพูและคอนดิชันเนอร์ที่เหมาะกับเส้นผม ซึ่งจะให้ทั้งการบำรุงและการปกป้องเส้นผม

สัปดาห์ละครั้ง ปล่อยให้ผมได้พักซะบ้างสักสัปดาห์ละครั้ง โดยไม่ใส่ผลิตภัณฑ์อะไรหรือใช้เครื่องมืออะไรในการแต่งทรงเลย แค่สระแล้วปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติ

เดือนละครั้ง บำรุงเส้นผมด้วยทรีตเมนต์แบบล้ำลึกเดือนละครั้ง เพื่อเพิ่มการบำรุงพิเศษแก่เส้นผม และเป็นการปกป้องเส้นผมด้วย

ทุกหกสัปดาห์ เล็มผมเพื่อให้ผมดูเป็นรูปเป็นทรงและสุขภาพดีอยู่เสมอ ถ้าคุณพยายามจะไว้ผมยาว ยืดเวลาการเล็มผมแต่ละครั้งออกไปได้บ้าง แต่อย่าให้เกิน 8 สัปดาห์

ทุกสามเดือน เปลี่ยนแปรงผมใหม่ การใช้แปรงเก่าอาจทำให้ผมเสียหายได้ ดังนั้น พยายามให้แปรงผมของคุณอยู่ในสภาพดีที่สุดด้วยการเปลี่ยนแปรงอย่างสม่ำเสมอ

ทุกหกเดือน สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เส้นผมด้วยการตัดผมทรงใหม่หรือทำสีใหม่ มันมากพอที่จะทำให้คุณดูสดใสขึ้น และหลุดกับดักอันน่าเบื่อของการไว้ทรงผมเดิม ๆ อยู่ตลอดเวลา

ปีละครั้ง ประเมินทุกอย่างที่คุณใช้กับเส้นผมของคุณ ตั้งแต่เครื่องมือแต่งทรงแชมพู คอนดิชันเนอร์ และแม้กระทั่งช่างผม ถ้ามีอะไรที่ไม่ได้ผลสำหรับคุณหรือทรงผมของคุณ ก็เปลี่ยนซะ

credit : teenee.com

คาดผมอย่างไร ให้เด่นกว่าคนอื่น



ตอนนี้แอคเซสเซอรี่ประดับผมที่มาแรงที่สุด ก็คือ ที่คาดผม อันเล็กอันใหญ่มีมาให้เลือกประดับ เลือกถูก มิกซ์แอนด์แมชท์เก๋ไก๋ ก็ทำให้ดูเป็นสาวเจาเสน่ห์ มีสไตล์ขึ้นมาทันที แต่ถ้าเลือกผิด ก็หมสทิธิ์แจ้งเกิดได้เหมือนกัน


วันนี้เรามีคำแนะนำดี ๆ คาดผมอย่างไรให้เวิร์ก ไปดูกันเลย

คาดตามความยาวผม


จะคาดให้สวย ดูกันสักหน่อยว่า ผมคุณยาวแค่ไหน เพราะความยาวของผมจะช่วยให้ที่คาดผมสามารถดึงจุดเด่น ให้ดูสวยได้


ผมสั้น เลือกที่คาดผมแบบเส้นหนา หรือเลือกที่เป็นผ้ายางยืด สีสันสดใส คาดกับผมสั้น ๆ ยุ่ง ๆ


ผมยาวปานกลาง คนที่ทรงผมเป็นบ๊อบ จะเหมาะกับการคาดผมมาก แต่ต้องเลือกแบบแปลก ๆ ออกแนววินเทจหน่อย ที่คาดผมจะขนาดใหญ่หรือเล็กก็ได้ จะให้เก๋ทรงผมต้องไปด้วยกัน ควรทำผมให้มีมูฟเมนต์ เป็นลอนนิด ๆ จะดูเป็นสาวหวานไม่รูตัว


ผมยาว จะให้เก๋ ต้องคาดสไตล์ยุค 70 คือคาดเส้นเล็ก ๆ หลาย ๆ เส้น หรือใช้ที่คาดผมแบบสายเปีย หรือมีดอกไม้ประดับก็ได้

3 วิธีคาดผมให้เก๋

คำแนะนำจากกูรูช่างผม บอกมา ทำอย่างไร ไปดู

1.ขมวดปมแบบยุ่ง ๆ ฉีดสเปรย์ ไดร์ผม รวบผมมาข้างหลังแล้วขมวดเป็นเกลียว

2.หางม้าเรียบหรู ทรงนี้ต้องเก็บผมให้เรียบ โดยใช้ที่หนีบผมรีบผมให้เรียบให้ยุ่งเหยิง ใช้เซรั่มหรือใส่กลอส แล้วหวีรวบเป็นหางม้าเพื่อให้ผมดูเงางาม

3.ปล่อยผมยาวสยาย ใส่ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มวอลุ่มให้กัผม แลวใชนิ้วสางจนผมแห้ง สุ่มเลือกผมเป็นช่อ ใช้คีมหนีบแล้วม้วนลอน แล้วใช้นิ้วสาง หรือย้อนโคนนิดหนึ่ง

เคล็ดลับคาดผมให้สวย ที่ต้องบอกต่อ


ลองทำตามคำแนะนำต่อไปนี้ แล้วจะรู้ว่า จะสวยไม่ยากเลย


-ไม่ต้องไดร์ผม เพื่อให้เข้ากับสไตล์เรโทรที่กำลังอินในตอนนี้ ไม่ต้องจัดแต่งอะไรมาก ให้ดูเซอร์ ๆ เข้าไว้ ก็เก๋ ๆ แล้ว ถ้าคุณไดร์ จะเหมาะกับยุค 80 มากกว่า


-คาดให้ถูกจุด ตำแหน่งของที่คาดผมจะกำหนดลุคของคุณ ถ้าคาดกลางศีรษะ จะดูเรียบร้อยไปหน่อย ดังนั้นคาดชิดริมหน้าผากหรือถ้าอยากได้ลุคแบบสาวกรีก ก็คาดผมบาง ๆ กลางหนาผาก ก็น่ารักไม่น้อยเลย


-ประดิษฐ์ประดอยสักหน่อย ลองประดิษฐ์เองสักอัน เอาแบบที่คุณชอบและเหมาะกับตัวเอง จะติดโบหรือติดเพชร ติดขนนก หรือใช้ผั้นคอ มันพันรอบศีรษะ ก็เก๋ดีเหมือนกัน ที่สำคัญมีอันเดียวในโลกออกแบบด้วยฝีมือคุณเอง น่าภูมิใจไม่น้อยเลย


แค่นี้ คุณก็สวยเก๋สะกดทุกสายตา ที่สำคัญเลือกให้เข้ากับตัวคุณก็แล้วกัน




ขอบคุณ : Never-Age.com

credit teenee.com

เคล็ดลับในการใส่ชุดสีขาว



แฟชั่นหน้าร้อน มักเน้นความสะอาดตา สีขาวจึงเป็นสียอดนิยมสำหรับเสื้อผ้ารับลมร้อน ไม่ว่าจะเป็นเชิ้ตสีขาว กางเกงขาสั้น

สีขาว อวดเรียวขา ของสาว ๆ ชุดราตรีสีขาว ดูสวยบริสุทธิ์แต่พราวเสน่ห์สำหรับสาวหน้าร้อน หรือชุดทำงานสีขาวเข้ารูปก็ดูเรียบเท่ และมาดมั่นได้

เคล็ดลับในการใส่ชุดสีขาว

1. ใส่คู่กับเครื่องเคียงสีเงิน จะทำให้ดูสวย เหมือนเจ้าหญิง

2. เมื่อใส่ชุดสีขาว ควรเลือกใส่ชุดชั้นในสีเนื้อ เพื่อเลี่ยงไม่ให้เห็นริ้วรอยของชุดชั้นใน เนื่องจากสีเนื้อจะช่วยพรางตาให้ดูกลมกลืนกับสีผิว


leelacheewit

credit : soccersuck.com

แต่งตัวอย่างไรให้ดูสวยและเก่ง



ใครๆก็อยากสวยและเก่งในเวลาเดียวกัน แต่ธรรมชาติค่อนข้างจะยุติธรรม โดยสร้างให้ผู้หญิงสวย(อาจจะ)ไม่เก่ง และผู้หญิงเก่ง(อาจจะ)ไม่สวย

ความสวยในความหมายเดิมหมายถึงรูปร่างหน้าตาที่ดูดี แต่ในความหมายใหม่ หน้าตาไม่จำเป็นต้องดูดีมากก็ได้ ทว่าการแต่งเนื้อแต่งตัวควรจะดูดีมากๆ เพราะยุคนี้หน้าตาสวยเป็นรองบุคลิกสวย คนบุคลิกสวยสามารถมองได้ทั้งตัว จะมองตอนอยู่นิ่งๆหรือตอนเคลื่อนไหวก็ได้

การแต่งตัวที่สวยสมวัยและสมกาละเทศะ ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพได้อย่างดี นุ่งกระโปรงไปทำงานบ้าง (แม้จะไม่ชอบ) เพราะกระโปรงนั้นดูดีกว่ากางเกงเสมอเวลาอยู่ในที่ทำงาน แต่ถ้ารู้สึกว่ากระโปรงยุ่งยากเกินไปก็ควรนุ่งกางเกงขาบาน เพราะกางเกงขาลีบและแคบไม่ค่อยเข้ากับสำนักงาน และกางเกงยีนส์นั้นลืมไปได้เลย เรานุ่งยีนส์กันบ่อยๆอยู่แล้ว จะนุ่งยีนส์ไปทำงานอีกทำไม

อย่าไปทำงานโดยไม่แต่งหน้าแต่งตา อย่าปฏิเสธแจ๊กเก็ต (ที่เหมาะกับสำนักงาน) อย่านุ่งกระโปรงสั้นเกินไป อย่าใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันฉูดฉาดไปทำงาน ฯลฯ การแต่งตัวดีนอกจากช่วยสร้างเสริมบุคลิกของผู้แต่ง ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสำนักงานได้ด้วยนะ.

leelacheewit

credit : teenee.com

ผิวบาง.. สัญญาณอันตรายสู่ปัญหาผิวไม่รู้จบ



เชื่อว่าคุณผู้หญิงหลายคนมีปัญหาผิว เช่น แสบ แดง คันหรือเป็นผื่นเมื่อถูกแดด หรือบางรายอาจมีฝ้า กระ จุดด่างดำ เกิดขึ้นทั้งที่อายุยังน้อย คุณทราบหรือไม่ว่านี้คือสัญญาณบ่งบอกว่าคุณมีแนวโน้มผิวบาง และอีกไม่นานหากปลอยทิ้งไว้คุณจะพบกับปัญหาผิวที่ยากจะแก้ไข

ปัญหาผิวบางเกิดได้จากหลายๆ สาเหตุ หากพูดถึงผิวบางจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งแล้ว จะขอกล่าวถึงปัจจัยนอก

ปัจจัยภายนอก คือ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดผิวบาง

ผู้หญิงทุกคนอยากมีผิวหน้ากระจ่างใสแต่ลืมคิดไปว่าผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งที่ใช้อยู่ทำให้ผิวกระจ่างใสจริงและปลอดภัยหรือไม่ คุณหรือเพื่อนๆข้างกายหลายคน คงเคยพบปัญหาการใช้ไวเทนนิ่งแล้วผิวขาวขึ้นอย่างทันใจ ใครหลายๆคนก็ทักว่าคุณมีหน้าขาวใสขึ้นในช่วงแรก แต่...ไม่นานผิวกลับคล้ำเสียกว่าเดิมซ้ำยังเกิด ฝ้า กระ จุดด่างดำอีกด้วย

คุณรู้หรือไม่...เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของคุณ

การที่คุณใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมและไม่ปลอดภัยเพราะมีสารที่เป็นอันตรายอันตรายต่อผิว เนื่องจากมีส่วนผสมของสารที่มีความเป็นกรดมากเกินไป เช่น กรด BHA (Beta Hydroxyl Acid)กรดวิตามินซี กรดวิตามินเอ สารเหล่านี้ช่วยให้หน้าขาวขึ้นจริงในตอนแรกสุดท้ายกลับทำลายผิวหน้าและก่อปัญหาทิ้งไว้อีกด้วย เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เข้าไปเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้การผลัดเซลล์ผิวบริเวณหนังกำพร้าหลุดลอกเร็วและมากกว่าปกติ ส่งผลให้เกราะปกป้องผิวอ่อนแอ ผิวบางลง ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่ายและนำไปสู่ปัญหา ผิวไวต่อแสงแดด ซึ่งเมื่อออกแดดจะทำให้เกิด อาการแดง แสบ คันหรือมีผื่น โดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้ม และเมื่อ ผิวบางและไวต่อแดดปัญหาที่จะพบต่อมาคือ ฝ้า กระ จุดด่างดำ คล้ำเสียสะสม มากยิ่งขึ้น

ดูแลผิวอย่างไรหากคุณเป็นคนผิวบาง

ทุกๆครั้งของการเลื อกใช้ผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่ง คุณควรแน่ใจว่าไม่มีส่วนผสมของสารที่ทำให้ผิวบาง เช่น กรดวิตามินซี กรดวิตามินเอ กรด BHA (Beta Hydroxyl Acid) เพราะสารเหล่านี้ก่อให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวได้ง่าย เร่งการผลัดเซลล์ผิวบริเวณหนังกำพร้ามากกว่าปกติ ทำให้เกราะปกป้องผิวอ่อนแอ ผิวจึงบางลง ถ้าเริ่มมีจุดด่างดำ กระ ฝ้า ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มไวเทนนนิ่ง ที่ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวได้ง่าย ปลอดสารทำให้ผิวบาง และไม่เร่งการผลัดเซลล์ผิวมากกว่าปกติ ไม่เช่นนั้นปัญหาจุดด่างดำ ผิวคล้ำเสียสะสมจะรุนแรงขึ้นและคล้ำเสียกว่าเดิม

ป้องกันอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหาผิวบาง

คุณควรแน่ใจว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งที่คุณใช้ผ่านการทดสอบทางคลีนิกโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากสถาบันการวิจัยที่น่าเชื่อถือและทดสอบแล้วว่าได้ผลจริงเหมาะสมกับสภาพผิวนอกจากนี้ต้องตรวจสอบแล้วว่า ส่วนผสมเป็นสารที่ปลอดภัยไร้สารทำให้ผิวบาง ซึ่งสารที่ปลอดภัยได้แก่

- สารสกัดจากธรรมชาติที่ไม่ระคายเคืองต่อผิวและสามารถทำงานร่วมกับผิวได้ดี ทั้งนี้ต้องได้รับการพิสูจน์และทดสอบแล้วว่าปลอดภัย ไม่ระคายเคืองต่อผิวและไร้สารทำให้ผิวบาง
- สารที่ได้รับการยอมรับหรือใช้ในการรักษาผิวพรรณโดยแพทย์ผิวหนัง
- สารที่ทำงานร่วมกับผิวเสมือนเป็นแหล่งอาหารหรือพลังงานให้ผิวทำงานตามกระบวนการธรรมชาติได้อย่างดีมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

สารที่ปลอดภัยและเป็นสารอาหารสำคัญต่อผิว

เช่น Licochachone, Panthenol (vitamin B5), Vitamin E Acetate, Ubiquinone, Octadecenedioic Acid เป็นต้น โดยผ่านการพิสูจน์แล้วว่า ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้จึงให้ประสิทธิภาพในการบำรุงและเติมสารอาหารให้กับผิว มีประสิทธิภาพยาวนานและปลอดภัย


ที่มา ... msn.co.th

ปลุกตาที่เหนื่อยล้า ให้กลับมามีชีวิต



สาวๆหลายคนคงยึดคติที่ว่า ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ และถ้าเกิดดวงตาที่เคยดูสดใส เปล่งประกาย แต่กลับดูอ่อนโรยเพราะทำงานหนัก เมื่อคืนมีปาร์ตี้ หรือเป็นผลพวงจากอาการป่วยขึ้นมาล่ะ


อาการเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ ไม่ว่าจะเป็นการประคบด้วยถุงชาแช่เย็น ช้อนโลหะแช่ช่องฟรีช หรือแม้แต่บำรุงด้วยแตงกวา แต่ก็ไม่สามารถช่วยปกปิดได้หมด

การแต่งดวงตาจึงเป็นเคล็ดลับอย่างหนึ่งที่ช่วยปลุกดวงตาของคุณให้มีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง

ลองใช้สีต่อไปนี้ควบคู่กับคอนซีลเลอร์ที่เหมาะกับสภาพสีผิวและอาการของดวงตาคุณดูนะคะ



ตาแดง ขอบตาช้ำ ๆ และเส้นเลือดแดง ๆ ในดวงตาจะดูจางลงด้วยอายแชโดว์และไลเนอร์สีทอง สำหรับผิวโทนสีอุ่น และอายแชโดว์และไลเนอร์สีน้ำเงินสำหรับผิวโทนสีเย็น ทาเพียงเล็กน้อยเพื่อให้ดวงตาดูสดใสขึ้น อย่าใช้สีที่ออกโทนชมพู ม่วงหรือแดงโดยเด็ดขาด เพราะแทนที่จะช่วยปกปิด แต่จะกลายเป็นเผยจุดบกพร่องของเราแทน


รอยดำใต้ตา ทาอายครีมให้ชุ่มชื้นเสียก่อน แล้วค่อยทาคอนซีลเลอร์เฉดสีเหลืองที่จะช่วยกลบรอยดำได้ดีกว่า และเพื่อดึงความสนใจออกจากรอยดำใต้ตา จากนั้นทาอายแชโดว์สีสว่างตามแนวโหนกคิ้ว และอย่าเขียนเส้นขอบตาด้วยสีดำ ให้ใช้สีเทาหรือสีน้ำตามแทนและเกลี่ยให้ดูนุ่มนวลขึ้น หลีกเลี่ยงสีแอพริคอต ม่วง และโทนสีดำเข้ม ๆ เพราะจะยิ่งเน้นรอยดำใต้ตามากขึ้น


เคล็ด(ไม่)ลับสำหรับสาว ๆ ที่ช่วยให้ดวงตาดูสดชื่นมีชีวิตชีวา ลองใช้กันดูนะคะ

credit : teenee.com

ว่ายน้ำอย่างไร ไม่ให้ผมเสีย



สาว ๆ หลายคน คิดอยากว่ายน้ำ แต่ก็เป็นห่วงว่าผมจะเสีย เพราะฤทธิ์คลอรีนที่ฆ่าเชื้อโรคในสระ จะมาทำลายโปรตีนในเส้นผม ทำให้ผมเราแห้งเสีย ขาดความชุ่มชื้น ไร้น้ำหนัก

ต่อไปนี้จะเป็นเทคนิคที่ช่วยปกป้องผมให้เสียน้อยลง พร้อมกับการบำรุงดูแลอย่างต่อเนื่อง มีอะไรบ้าง ไปดูเลย

1.ก่อนว่ายน้ำทุกครั้ง ควรใส่ผลิตภัณฑ์เคลือบเส้นผม เพื่อป้องกันคลอรีน หรือครีมปรับสภาพเส้นผม เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำจากเส้นผม

2.สวมหมวกยางที่แน่นกระชับ ขณะว่ายน้ำทุกครั้ง

3.หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำกลางแดดจัด เส้นผมจะยิ่งถูกทำลายมากยิ่งขึ้น

4.ทันทีที่ขึ้นจากสระว่ายน้ำ ควรรีบทำความสะอาดเส้นผม เพื่อล้างคลอรีนออกด้วยแชมพู หากสามารถใช้แชมพูที่มีคุณสมบัติสำหรับล้างคลอรีนได้โดยเฉพาะจะดีมาก จากนั้นตามด้วยครีมปรับสภาพเส้นผมแบบเข้มข้น ที่ไม่ต้องล้างออกเพื่อคืนความชุ่มชื่นให้กับเส้นผม

5.หมั่นทำทรีตเม้นต์ อบน้ำไอผมเป็นประจำ เพื่อคืนความชุ่มชื้น และปรับสภาพผมให้กลับมาสวยเหมือนเดิม

6.เลือกรับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญแก่เส้นผม ได้แก่ วิตามินซี เอ และบี ธาตุเหล็ก ไบโอติน สังกะสี ทองแดง ธาตุซัลเฟอร์ และธาตุไอโอดีน เป็นการบำรุงสภาพผมจากภายในด้วย

หมั่นดูแลเป็นประจำ และปฏิบัติตามคำแนะนำขณะว่ายน้ำอย่างเคร่งครัด ผมสวย ๆ ก็ไม่หนีไปไหนแล้ว

Never-Age.com

credit : teenee.com

ผิวแตกลาย ... ลาก่อน! ด้วย "วิธีการลดรอยแตกลาย"



อีกหนึ่งการดูแลผิวพรรณด้วยวิธีที่สาวๆ ทั้งหลายต้องให้ความสนใจอย่างแน่นอนสำหรับ วิธีการลดรอยแตกลาย เชื่อสิค่ะว่าปัญหาผิวแตกลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้คุณผู้หญิงทั้งหลาย หนักใจเป็นอย่างมากไม่แพ้กับปัญหาที่เป็นอุปสรรคอื่นๆ ที่มาขัดขวางความงามเลยแหละ และเราก็รู้ๆ กันดีว่าทุกวันนี้การดูแลผิวแตกลายมีมากมายหลายวิธีทั้งที่เห็นผลและไม่เห็น ผลจนกลายเป็นการแก้ปัญหาที่หน้าปวดหัวของคุณผู้หญิงเป็นอย่างมาก วันนี้เราก็เลยนำเอา วิธีการลดรอยแตกลาย มาฝากคุณสาวๆ ให้ไปทดลองทำกันค่ะ บอกลา ผิวแตกลาย

... ลาก่อน ด้วย วิธีการลดรอยแตกลาย เป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่คุณก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองและไม่ยุ่งยากจนเกินไปเตรียมตัวบอกลา ผิวแตกลาย

... ลาก่อน กันได้เลยนะค่ะรับรองว่านับจากนี้ปัญหาผิวแตกลายจะไม่สามารถกวนใจคุณได้อีก ถ้าพร้อมสวยแล้วเราก็เข้าไปทำตามวิธีดีๆ แล้วโบกมือลาปัญหาผิวแตกลายพร้อมกันเลยค่ะ

วิธีการลดรอยแตกลาย "ผิวแตกลาย ... ลาก่อน"

ขั้นตอนที่ 1 อาบน้ำใช้ใยบวบขัดผิวเพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป

ขั้น ตอนที่ 2 ใช้วุ้นสีขาวขุ่นที่ได้จากการปอกเปลือกว่านหางจระเข้มาทาแล้วนวดเบาๆ หรือถ้ามีน้ำมันมะกอกก็ให้นำไปอุ่นจนเกือบร้อนแล้วนำมานวดบริเวณผิวที่มี ปัญหา ทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วค่อยอาบน้ำตามปกติ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก lisa ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

credit : teenee.com

เสื้อผ้าคนอ้วน ประยุกต์เสื้อตัวในมาใส่ให้สวย เก๋



เสื้อผ้าคนอ้วนกับแฟชั่นเสื้อตัวในสไตล์ต่างๆ

เสื้อตัวในเป็นอีกไอเท็มที่สาวอวบ อ้วน อย่างเราไม่ควรพลาด เพราะช่วยให้แมทช์เสื้อผ้าคนอ้วน สร้างวิธีการแต่งตัวได้หลากสไตล์มากขึ้น โดยเฉพาะสาวอวบหลายคนที่อาจไม่มั่นใจในรูปร่างบางส่วน ก็อาจเลือกหาสายเดี่ยว เสื้อแขนกุด หรือเสื้อคล้องคอที่มีประโยชน์ใช้สอยแตกต่างกันไปในแบบสุดคุ้ม สร้างลุกเก๋ๆ ได้อีกเพียบค่ะ

เสื้อคนอ้วนแขนกุดกับแฟชั่นตัวซ้อน

เซ็กซี่ น่ารัก กิ๊บกิ๋วกับเสื้อผ้าคนอ้วนเก๋ๆ และเสื้อแขนกุดแบบที่มีประดับเล็กน้อย ให้คุณดูเก๋ น่ารัก สร้างสไตล์แต่งตัวแนวใหม่ๆ

หยิบสายเดี่ยวตัวเก๋กับเสื้อผ้าคนอ้วนสร้างบุคลิกเก๋ไก๋

หาสายเดี่ยวตามสีสันที่ต้องการ จะใส่เป็นตัวเปล่าแบบมั่นใจสุดๆ หรือหยิบมาเลือกแต่งตัวเป็นตัวซ้อนกับแฟชั่นเสื้อผ้าคนอ้วนหลากสไตล์ ทั้งสูท เสื้อยีนส์น่ารัก ให้คุณผู้หญิงดูทะมัดทะแมง เก๋ไก๋ คล่องตัวกว่าที่เคย แถมยังช่วยปิดบริเวณแขนที่คนอ้วนหลายคนไม่มั่นใจ

แฟชั่นคนอ้วนกับเสื้อตัวในแบบคล้องคอ

อีกสไตล์แฟชั่นคนอ้วนแนวเปรี้ยว กับสไตล์การแต่งตัวที่สาวอวบไม่ยอมพลาด ดูมั่นและเก๋แบบสุดๆ

เสื้อตัวในแบบเกาะอกกับแฟชั่นเสื้อผ้าคนอ้วน

เสื้อเกาะอกก็เป็นเสื้อผ้าอีกสไตล์ที่ใช้ได้คุ้มค่า คุ้มเงินสุดๆ เพราะเอาไปใช้แต่งตัวได้หลากสไตล์ จะแนวเปรี้ยว หวาน หรือเซ็กซี่ ขึ้นอยู่กับแบบเสื้อผ้าคนอ้วนที่เลือกใส่ แนะนำเล็กน้อยให้หาไซส์ที่พอดี ไม่คับเกินไปจนดูอึดอัด จะดูดีกว่ามากค่ะ อาจหาแนวเรียบ หรือมีของประดับตกแต่งก็น่ารักไม่แพ้กัน

ผมหยิกสวย โดยไม่ต้องใช้ความร้อน



อยากมีผมหยิกเป็นลอนสวย แต่ไม่อยากเสี่ยงกับครีมดัดผมไฟฟ้า ที่อาจทำให้ผมแห้งเสียใช่มั้ย?

ลองใช้วิธีง่าย ๆ ของเราดู หลังจากสระผมและลงคอนดิชันเนอร์เรียบร้อยแล้ว ก็ใช้ผ้าขนหนูซับน้ำออกจากเส้นผมให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จากนั้นก็ทาซีรั่มหรือครีมแต่งผม เพื่อตรึงความชุ่มชื้นเอาไว้ ตามด้วยการใช้หวีซี่ห่าง ๆ สางเส้นผมให้ทั่ว ถักเปียแล้วรัดด้วยยางรัดผมเอาไว้ (ถ้าคุณถักเปียตะขาบได้ก็จะยิ่งดี) เสร็จแล้วก็ใช้ผ้าขนหนูสะอาด ๆ ปูลงบนหมอนก่อนเข้านอน

พอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรู่งขึ้น ก็แกะเปียออกแล้วใช้นิ้วสางเส้นผม (อย่าใช้แปรงหรือหวีเด็ดขาด) คุณอาจเติมความเงางามด้วยการใช้ขี้ผึ้งแต่งผมลูบจากครึ่งความยาวลงมา หรือถ้าอยากให้อยู่ทรงได้นานขึ้น ก็แค่ฉีดสเปรย์ที่มีแรงยึดเกาะอ่อน ๆ ลงไปเพียงบางเบา


Lisa

credit : teenee.com

เทคนิคการเลือกซื้อรองเท้า ง่าย ๆ



ผู้ เชี่ยวชาญแนะนำว่า รองเท้าที่ดีควรสูงไม่เกิน 1 นิ้ว และลักษณะส้นไม่ควรเป็นส้นเข็มหรือเล็กเกินไปเพราะนอกจากจะทำให้การทรงตัว เสียสมดุลแล้วยังทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายอีกด้วย

ควรเลือกรองเท้าที่ยาวกว่าเท้าประมาณ 1 เซนติเมตร และ ไม่บีบนิ้วเท้าเกินไป เพราะโดยปกติขณะเราเดิน เท้าจะเคลื่อนไปด้านหน้าประมาณ 7 มิลลิเมตร ดังนั้นคนที่ใส่รองเท้าพอดีเกินไปจึงเกิดปัญหากับเล็บและนิ้วเท้าเป็นเหตุ ให้เล็บเสีย นิ้วเท้างุ้มงอ และเบียดกันได้

เลือกรองเท้าที่มีพื้นสัมผัสนุ่ม หรือเสริมพื้นรองเท้าเพื่อช่วยลดแรงกระแทก เสริมแผ่นรองส้นหรือกันส้นเพื่อลดการเสียดสี ป้องกันผิวหนังด้านและเกิดตาปลา

ควรเลือกซื้อรองเท้าช่วงบ่ายซึ่งเป็นช่วงที่เท้าขยายเต็มที่และควรลองสวมรองเท้าทั้งสองข้าง
รองเท้า ที่ดีต้องกระชับ ไม่คับหรือหลวมเกินไป ส้นเท้าอาจเลื่อนขึ้นลงได้เล็กน้อยขณะเดินแต่ไม่ควรหลุดจากเท้า และเปลี่ยนความเชื่อที่ว่ารองเท้าคับจะยืดออกเมื่อใช้ไปสักพักเพราะกว่า รองเท้าจะยืดออกเท้าของคุณอาจบาดเจ็บก่อนได้

เมื่อมีอาการเจ็บหรือปวด ควรรีบหาสาเหตุ เพราะ บางครั้งรองเท้าอาจหมดสภาพ หรือไม่เหมาะสมกับโครงสร้างเท้า และคุณอาจผ่อนคลายเท้าโดยการแช่น้ำอุ่น ร่วมกับการบริหารกล้ามเนื้อขาและเท้าอย่างง่าย โดยกระดกปลายเท้าขึ้นให้สุด จนรู้สึกตึงที่น่อง ค้างไว้ 10 วินาที ทำซ้ำ10 ครั้ง จะช่วยลดอาการปวดเมื่อยเท้าได้


leelacheewit

ไขปัญหา 12 ความเชื่อผิด ๆ เรื่องหวัด และไข้หวัดใหญ่ (Lisa)



ไขปัญหา 12 ความเชื่อผิด ๆ เรื่องหวัด และไข้หวัดใหญ่ (Lisa)

คุณคิดว่ารู้จักโรคพื้นบ้านอย่าง "หวัด" กับ "ไข้หวัดใหญ่" ดีแล้วหรือ? ลองทบทวนความเชื่อเหล่านี้ดูใหม่เพื่อเสริมสร้างเกราะป้องกันหวัดกันเถอะ

ความเชื่อเกี่ยวกับหวัดและไข้หวัดใหญ่มีอยู่มากมาย เช่น เชื่อว่าวิตามินซีช่วยป้องกันหวัดได้ หรือเชื่อว่าถ้าคุณแข็งแรงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน ความจริงก็คือความเชื่อเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป เราจึงต้องไขปริศนากันในวันนี้

ความเชื่อผิด ๆ 1 : ไข้หวัดใหญ่ก็คือหวัดธรรมดาฉบับอัพเกรด

ไม่จริงเลย หวัดธรรมดาสามารถเกิดจากเชื้อหลากหลาย เช่น Rhinovirus ที่เป็นสาเหตุของหวัด 30-35% ในผู้ป่วยทั้งหมด ส่วนไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สามชนิด (Influenza Virus) คือมีทั้งประเภท A, B และ C และมีอาการต่างกันด้วย เช่น ไข้หวัดใหญ่จะไม่รู้สึกคัดจมูก ไอแห้ง ไม่มีเสมหะ มีไข้สูงมาก คลื่นเหียน รู้สึกหนาวสั่น อ่อนเพลีย และอาจมีระยะเวลาป่วยนานกว่าไข้หวัดธรรมดา

ความเชื่อผิด ๆ 2 : ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลไม่เป็นอันตราย

เมื่อปีก่อนเราตื่นตัวกันมากกับเชื้อไข้หวัดหมู จนหลายคนลืมนึกถึงไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่อาจเป็นอันตรายได้เหมือนกัน ซึ่งคุณอาจมีอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ได้ แม้ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติในระยะเวลาอันสั้น แต่ถ้านับเฉพาะสหรัฐฯ ที่เดียว ทุกปีจะมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ถึง 200,000 ราย และจากจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตถึง 36,000 ราย นี่พอ ๆ กับจำนวนผู้เสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม และมากกว่าผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์ถึงสองเท่าเชียวนะ!

ความเชื่อผิด ๆ 3 : ถ้าฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้วปีหน้าไม่ต้องฉีดก็ได้

นี่เป็นความเข้าใจผิด เพราะวัคซีนไข้หวัดใหญ่ต่างจากวัคซีนชนิดอื่น ที่ให้ระยะเวลาการคุ้มครองจากเชื้อโรคนานเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่มีแนวโน้มระบาดจะเปลี่ยนไปทุกปี นักวิจัยจึงต้องพัฒนาวัคซีนตัวใหม่ขึ้นมาสู้ทุกปีเช่นกัน ฉะนั้น เราจึงควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปีนั่นเอง

ความเชื่อผิด ๆ 4 : ถ้าเราเป็นหวัดแล้ว ในปีนั้น เราจะไม่เป็นอีก

บางคนคิดว่าพอเป็นหวัดแล้วคุณจะไม่เป็นอีกในปีนั้น และไม่ยอมไปฉีดวัคซีน แต่การติดเชื้อหวัดหรือไข้หวัดใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้จากเชื้อหลากหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมักจะมีทั้ง Type A และ B ที่ระบาดในหนึ่งฤดูกาล จึงเป็นไปได้ที่คุณจะเป็นไข้หวัดใหญ่อีกครั้ง และเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

ความเชื่อผิด ๆ 5 : หากเราเป็นหวัดนานแล้ว ไม่หายสักที เราอาจเป็นไซนัสอักเสบก็ได้

คนส่วนใหญ่มักจะหายจากหวัดภายใน 10 วัน แม้อาจจะมีอาการคัดจมูก ปวดศีรษะ หรือมีน้ำมูกไหลอยู่ หากคุณไม่หายจากหวัดสักที อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือเป็นไซนัสอักเสบ ลองสังเกตดูว่ามีอาการไข้ย้อนรึเปล่า ซึ่งคุณอาจจะรู้สึกว่าหายเป็นปกติแล้ว แต่กลับไข้ขึ้นอีกครั้งและมีอาการหนักกว่าเดิม นี่อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียและคุณอาจต้องการยาปฏิชีวนะก็ได้

ความเชื่อผิด ๆ 6 : วิตามินซีช่วยป้องกันไข้หวัดได้

มีความเชื่อว่าการกินวิตามินซีจะช่วยป้องกันหวัดได้ เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ในปี 2007 Cochrane Library เปิดเผยการศึกษาซึ่งชี้ว่า การกินวิตามินซีเสริมวันละ 200 มิลลิกรัม ไม่มีผลต่อความรุนแรงหรือระยะเวลาการเกิดไข้หวัด แต่อย่างไรก็ดี หากคุณเป็นคนที่เจอกับความเครียดมากกว่าปกติ เช่น เป็นนักวิ่งมาราธอน เป็นทหารหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก ๆ การกินวิตามินซีเสริมทุกวันอาจช่วยลดโอกาสเกิดไข้หวัดได้ถึงครึ่ง

สำหรับคนที่ต้องการกินวิตามินซีเสริม ปริมาณที่แนะนำคือ 90 มิลลิกรัม ต่อวันสำหรับผู้ชาย และ 75 มิลลิกรัม ต่อวันสำหรับผู้หญิงหากเกินกว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน จะทำให้คุณเสี่ยงต่อนิ่วในไต ท้องร่วง และคลื่นเหียนได้



Expert’s Corner

ตอบคำถามความเชื่อเรื่องหวัดอีก 6 ข้อกับ พญ.อรอุมา บรรพมัย อายุรแพทย์ (ผู้เชี่ยวชาญอายุรกรรมโรคติดเชื้อ) ร.พ.สมิติเวช สุขุมวิท

1.จริงหรือเปล่าที่ว่าตากฝนแล้วจะเป็นหวัด?

ความเชื่อนี้คงไม่จริง 100% แต่ถ้าถามว่าตากฝนแล้วอาจเป็นหวัดได้มั้ย? เราพบว่าส่วนใหญ่จะเป็นหวัดจากการเดินลุยฝนหลังตกใหม่ ๆ ที่ชะเชื้อโรคลงมาแล้วก็อาจจะมาโดนตัวเรา ผ่านเข้ามาทางลมหายใจ หรือแม้แต่น้ำฝนที่มีเชื้อโรคมาถูกเสื้อหรือเส้นผม แล้วเราไม่ได้อาบน้ำเลย เชื้อก็จะอยู่บนตัวเราค่อนข้างนาน และสามารถเข้าไปในร่างกายได้

2.ถ้าฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แล้วจะไม่เป็นหวัดเลย

อันนี้ก็เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ตามชื่อคือมันไม่ได้ป้องกันไข้หวัดธรรมดา และถึงจะป้องกันไข้หวัดใหญ่ ก็ป้องกันได้ 80-90% แต่ตอนนี้องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ทุกคนฉีดวัคซีน เพราะคนแข็งแรงก็มีโอกาสติดเชื้อโรคได้ แต่ว่าคนที่ควรจะมาฉีดหรือบังคับให้มาฉีดก็คือเด็ก ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือคนที่กินยาบางประเภท เช่น ยาจำพวกแอสไพริน เพราะว่าการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่อาจทำให้เขามีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้

3.ในปัจจุบันเรายังไม่มียาฆ่าเชื้อหวัด

ขึ้นอยู่กับว่าเชื้อหวัดนั้นเกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส สมมติว่าเป็นอย่างหลัง ส่วนใหญ่ก็จะใช้ยารักษาตามอาการหรือการพักผ่อน คือจะไม่มียารักษาที่เฉพาะเจาะจง แต่จะเน้นไปที่การพักผ่อน นอนหลับ ดื่มน้ำ กินอาหารทีดีและมีประโยชน์ แต่ถ้าเชื้อนั้นเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย และคนไข้มีอาการเจ็บคอ ไอเยอะ มีเสมหะสีเขียว เราก็อาจให้ยาปฏิชีวนะเสริมเข้าไป

ไข้หวัดที่เกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียจะมีลักษณะคล้ายกัน 80-90% ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส และเชื้อพวกนี้สามารถทำให้เป็นไข้และเจ็บคอได้เหมือนกัน แต่เราอาจเห็นอาการบางอย่าง เช่น น้ำมูกเขียว เสมหะเขียว จากการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย

4.หน้ากากอนามัยไม่สามารถป้องกันหวัดได้
ไม่สามารถป้องกันได้ 100% อาจจะป้องกันได้ระดับหนึ่งคือ 30-40% เพราะมันคาดที่จมูกและครอบปากเราไว้แต่ไม่ได้ปิดทั้งหมด เวลาที่เราไอหรือจามมันก็จะลอดผ่านช่องที่จมูกหรือคาง ถ้าเค้าไอ จาม หรือน้ำลายหรือเสมหะกระเด็นไปโดนโต๊ะ แล้วเราเอามือไปจับแล้วไปแคะขี้มูก จับตา เชื้อก็จะสามารถเข้ามาในร่างกายเราได้

5.เราต้องดื่มน้ำอุ่น และไม่ดื่มน้ำเย็นเวลาเป็นหวัด

จริง ๆ แล้วเป็นความเชื่อที่ผิด จะดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น อะไรก็ตามที่เป็นของเหลว ๆ เนี่ยดื่มได้ เพียงแต่ว่าถ้าเราดื่มน้ำอุ่น เราจะรู้สึกสบายคอกว่า ถ้าเรามีเสมหะ เสมหะก็จะนิ่มกว่า ขับออกมาได้ง่าย จริง ๆ แล้วคนไข้อาจจะอยากดื่มน้ำเย็นก็ได้ แต่ขอให้ดื่มในปริมาณเยอะ ๆ เพราะว่าการดื่มน้ำเยอะ ๆ จะทำให้เสมหะในลำคอนิ่มขึ้นภาวะน้ำไหลในร่างกายเยอะขึ้น เราจึงรู้สึกสดชื่นขึ้น และอุณหภูมิในร่างกายเราก็จะลดลงด้วย

6.ถ้าไม่กินยาปฏิชีวนะแล้วจะไม่หาย

คนไข้ชอบขอยาปฏิชีวนะกินเลย แต่อย่างที่หมอบอกไปแล้ว 80-90% ของไข้หวัดเกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะ แต่คนไข้ส่วนใหญ่จะแปลกใจถ้าหมอไม่จ่ายยาฆ่าเชื้อ หรือมีความเชื่อว่าถ้าหมอไม่จ่ายยาฆ่าเชื้อให้แล้วจะไม่หาย ทั้งที่ความจริงก็คือการใช้ยาฆ่าเชื้อเกินความจำเป็นจะทำให้เชื้อโรคดื้อยานะคะ

แบบทดสอบ คุณเป็นคนรักที่’แสนดี’แค่ไหน



ทุกคนก็ต้องบอกว่าตัวเองดี แต่จะจริงหรือเปล่า ต้องลองทำแบบทดสอบนี้ดูก่อนแล้วถึงจะรู้ ที่สำคัญอย่าหลอกตัวเองนะคะ

สโลแกนรักที่คุณตั้งไว้สำหรับเขาคือ

1. แค่มีเธอคนเดียวชีวิตก็แจ่มแล้ว
2. กิ๊กนะมีได้ แต่ต้องซ่อนให้มิด
3. คบกันสนุก ๆ ถ้าเจอคนใหม่ก็ต่างคนต่างไป

ถ้าหวนคิดถึงความรักของคุณกับเขา ตั้งแต่วันแรกจนถึงนาทีนี้

1. ความสุขที่ไม่มีวันลืม โชคดีจริง ๆ ที่ได้เจอกัน
2. สุก ๆ ดิบ ๆ นี่แหละความรัก
3. ตบตีกับทุกวัน แซ่บยิ่งกว่ากินต้มยำกุ้ง

แฟนคุณเป็นคนที่ชอบขุดเรื่องเก่า ๆ มาบ่นซ้ำไปซ้ำมา อย่างเรื่องคุณทำแหวนเขาหายเนี่ยฉายซ้ำมาจะครบร้อยรอบแล้ว คุณจะ

1. เบื่อจริง ๆ ให้ตายเถอะ ชั้นไม่ได้ทำของคุณหายอีกตลอดชีวิต
2. เก๊กทำท่าเป็นฟัง แต่ที่จริงไม่สน
3. เดี๋ยวแบตหมดก็หยุดไปเองแหละ

สมมติว่าแฟนคุณกำลังโมโหคุณอย่างรุนแรง คุณจะ

1. พูดหวาน ๆ ให้เขาเย็นลงก่อน เรื่องอื่นค่อยเอาไว้เคลียร์ทีหลัง
2. นิ่ง ๆ ไว้ก่อน นาทีนี้ขืนพูดไรไปชีวิตอาจไม่ปลอดภัย
3. เดินหนีไปเลยไม่อยากสนผู้ชายงี่เง่า

คุณเห็นบ้านรกมากเลยกะว่าเย็นนี้เลิกงานแล้วจะมาเก็บ แต่แฟนคุณจัดการกวาดบ้านแทนคุณไปซะแล้ว คุณจะ

1. แฟนใครน๊า...น่ารักจัง
2. ทีหลังไม่ต้องทำนะ เดี๋ยวจัดการเอง
3. ทำไมไม่กวาดใต้โต๊ะด้วย เห็นไม๊ฝุ่นเต็มเลย

วันนี้เป็นวันครบรอบคบกัน 6 เดือนของพวกคุณ คุณจะ

1. บอกว่ารักเขาที่สุดพร้อมกับของขวัญแทนรัก 1 ชิ้น
2. ชวนเขาไปกินข้าว ดูหนัง
3. วันนี้เขาจะทำอะไร....ชั้นจะตามใจเขาทุกอย่าง

คุณกลับมาบ้านเจอเขานั่งเศร้าอยู่ คุณจะ

1. เข้าไปกอดเขาแน่น ๆ แล้วถามว่าเกิดไรขึ้น
2. มีอะไรอีกหล่ะ ตานี่อ่อนไหวซะจริง ๆ
3. เปิดทีวี วันนี้ฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้วไม่อยากรับรู้เรื่องอะไร

วันหยุดยาวนี้เขาพาคุณไปเที่ยวทะเล วันเวลาในช่วงนั้น คุณจะ

1. เกี่ยวก้อยเดินชมชายหาดทรายสายลม
2. เที่ยวระห่ำ ตะลุยไปทุกย่านที่มีชื่อ
3. เมคเลิฟตลอดรายการ หวังสร้างสถิติใหม่

สำหรับเรื่องบนเตียงคุณคิดว่าเขา

1. ทำให้คุณมีความสุขมาก
2. ถ้อยทีถ้อยอาศัย ต้องสุขด้วยกันทั้งสองคน ไม่งั้นเขาไม่ยอม
3. เอาแต่ใจ คิดถึงตัวเองมากกว่าคุณ



ถ้าตอบข้อ 1 คุณได้ 3 คะแนน
ถ้าตอบข้อ 2 คุณได้ 1 คะแนน
ถ้าตอบข้อ 3 คุณไม่ได้คะแนน



ต่ำกว่า 8 คะแนน

ถามตัวเองบ้างรึป่าวว่า คบกับเขาทำไม ในเมื่อคุณไม่ได้รักเขาเลยสักนิดเดียว ถ้าแยกกันแล้วต่างคนต่างไปหาคนที่ถูกใจมากกว่านี้ ชีวิตคุณสองคนน่าจะมีความสุขขึ้นนะ

9 – 15 คะแนน

คุณทำตัวเหมือนพวกต่อมความรู้สึกชำรุด เพราะคุณแทบจะไม่สนใจความรู้สึกของเขาเลย ที่จริงบทจะทำดีขึ้นมีคุณก็ทำได้น่ารักน่าอเมซิ่งอยู่หรอก แต่ทำไม...ไม่เคยรักษาได้ได้นานก็ไม่รู้

16 – 12 คะแนน

คุณจัดว่าเป็นคนรักที่ดีคนหนึ่ง แต่การเล่นบทนางฟ้าของคุณ ยังขึ้นอยู่กับอารมณ์ ถ้าอารมณ์ดีคุณก็ทำตัวดีขาดใจ แต่ถ้าอารมณ์มาคุคุณก็เปลี่ยนเป็นนางร้ายเอาดื้อ ๆ เหมือนกัน โดยส่วนใหญ่คุณทำตัวได้ดีแล้ว เหลือแค่รายละเอียดนิด ๆ หน่อยๆที่ต้องปรับปรุงคัว ถ้าทำได้คุณจะเป็นแฟนที่ผู้ชายทุกคนฝันถึง

23 – 30 คะแนน

คุณเป็นแฟนสาวที่รู้สึกเหมือนเป็นลูกผู้ชาย เป็นพระเอก เป็นฮีโร่ และเป็นคนที่คุณรักมากที่สุด ถ้าเขาปล่อยให้คุณหลุดมีไปชาตินี้ เขาคงหาคนมาแทนที่คุณได้ยาก






ที่มา ... Forward mail

ผู้ชายทำไงให้...อึด!! 18+ +



คุณผู้ชายทั้งหลายมักให้ความสำคัญกับขนาดของอาวุธประจำกาย และความ "อึด" ก็เป็นอีกหนึ่งความต้องการของคุณเช่นกันใช่ไหม

ถ้าใช่... แล้วจะทำยังไงดีให้การมีเซ็กซ์ครั้งต่อไปของคุณยาวนานจนเรียกขานว่า "มาราธอน" ได้ เพราะคุณอาจจะมีโอกาสไม่บ่อยนักที่จะได้ใช้เวลากับกิจกรรมรักนานๆ บางคนก็เป็นชั่วโมงหรือนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับความต้องการ แต่เมื่อไหร่ที่คุณได้รับโอกาสนั้นแล้วล่ะก็ คุณก็ควรจะใช้มันให้คุ้มค่า ซึ่งเทคนิคที่จะช่วยยืดเวลาแห่งความสุขให้คุณก็ไม่ยาก

อย่าพยายามรีบไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง :

คุณควรเลือกอยู่ในตำแหน่งที่อวัยวะของคุณจะถูกกระตุ้นน้อยที่สุด เพื่อคุณจะได้ไปถึงจุดหมายปลายทางช้าที่สุด เพราะแต่ละคนย่อมมีความรู้สึกไวในแต่ละส่วนบนร่างกายต่างกัน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกได้ว่ากำลังจะสูญเสียการควบคุม ก็จงเปลี่ยนตำแหน่งซะ เพื่อปิดประตูความเสี่ยงต่อการไปถึงปลายทางก่อนเวลาอันควร ซึ่งการเปลี่ยนตำแหน่งหรือท่วงท่าอาจนำมาซึ่งความไม่ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่คุณต้องให้ควารมสำคัญ พยายามสานต่ออารมณ์ให้กลมกลืนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เปลี่ยนจุดสนใจ :

ถ้าคุณอยากจะพักในช่วงระหว่างกำลังประกอบกิจกรรมมาราธอนอยู่หรือคุณกำลัง จะถึงจุดสุดยอด คุณก็แค่เปลี่ยนจุดสนใจไปทำอย่างอื่นบ้าง เช่น กอด หอม จูบ นวด หรือสัมผัสไปทั่วๆ ซึ่งการทำเช่นที่ว่านั้นอาจทำให้คุณพบสิ่งใหม่ๆ หรือวิธีการใหม่ๆ ในการสัมผัสซึ่งกันและกันให้ซาบซ่านขึ้นก็ได้ ขออย่างเดียวอย่าเผลอหลับไปซะก่อนก็แล้วกัน!!!

อย่าดื่มหนักเกินไป :

เป็นที่รู้กันดีว่าแอลกอฮอล์มีส่วนช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายและเป็นตัว ช่วยกระตุ้นความรู้สึกให้คู่รักคึกคักขึ้นมาได้ แต่นั่นหมายถึงการดื่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ข้อดีอีกอย่างของแอลกอฮอล์ คือ สามารถทำให้คุณผู้ชายรักษาความทนทานในกิจกรรมได้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสีย เจ้าลูกชายของคุณอาจไม่ยอมตื่นจากภวังค์ก็ได้หากปริมาณแอลกอฮอล์มากเกินไป ในบางครั้งสำหรับบางคนเหล้ากลายเป็นยานอนหลับดีๆ นี่เอง ที่สำคัญการดื่มมากๆ อาจทำให้เกิดความเสี่ยง เช่น ไม่ใส่ถุงยางอนามัย ซึ่งนอกจากจะเสี่ยงต่อการเป็นพ่อแม่โดยไม่ได้ตั้งใจ อาจจะเสี่ยงกับการติดโรคได้ด้วย และการสวมถุงยางอนามัยนั้นสามารถยื้อเวลาแห่งความสุขทางเพศได้อีกทางหนึ่ง ด้วย

มีไอเดียแปลกใหม่ :

เซ็กซ์ไม่ใช่แค่การเสียบ เสียว และเสร็จเท่านั้น แต่เป็นกิจกรรมหนึ่งที่คุณทั้งคู่ควรจะสนุกไปด้วยกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณทั้งสองคน ไม่มีทฤษฎีหรือบทบัญญัติตายตัวว่าต้องทำอะไรอย่างไร ในภารกิจมาราธอนนี้คุณสามารถนำเสนอของเล่นหรืออุปกรณ์เสริมเข้ามาเพื่อสร้าง ความแปลกใหม่ให้กับเธอได้ เช่น ตัวสั่นทั้งหลายหลากขนาด แบบที่ติดกับถุงยางอนามัยก็มี (แต่ต้องสั่งผ่านทางเว็บไซต์นะ) หรือจะเป็นโซ่ แส้ กุญแจมือ ผ้าปิดตาก็น่าสนใจ หรือคุณจะเพิ่มความแปลกใหม่ด้วยการนำของกินเข้ามาใช้ด้วยก็ไม่ผิดกติกา เช่น ไอศครีม ช็อคโกแลต ซอส หรือวิปครีม โดยเลือกสิ่งที่คุณทั้งสองชอบกินที่สุด

อย่าปล่อยให้มือแห้ง :

อย่าเพิ่งขำและคิดว่ามันไม่ เกี่ยวข้องกัน เพราะจริงๆ แล้วการมีกิจกรรมรักมักจะมีการสัมผัสไปทั่วเรือนร่าง และถ้าคุณต้องการจะให้การเมคเลิฟยาวนานแล้วล่ะก็ คุณจำเป็นต้องป้องกันและหาทางแก้ไขเรื่องความแห้งเสียแต่เนิ่นๆ โดยหาสารหล่อลื่นทามือที่เหมาะสมสักอันที่มีคุณสมบัติไม่เหนียว หากไม่มั่นใจว่าจะซื้อแบบไหนดี ก็ขอให้คุณทำการบ้านซะก่อนโดยซื้อแบบที่แตกต่างกันสัก 2-3 ยี่ห้อแล้วเลือกใช้อันที่คุณและคู่ของคุณชอบมากที่สุด เมื่อถึงเวลาต้องใช้ก็อย่าไปขี้เหนียวเสียล่ะ ให้ใช้ให้เต็มที่ไปเลย เพราะว่ากิจกามแบบมาราธอนของคุณต้องการความชุ่มชื้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้ถุงยาง เจลหล่อลื่นจะเป็นตัวช่วยที่สำคัญ เพื่อไม่ให้มันฉีกขาดและยังช่วยลดแรงเสียดทานและความร้อนอันเกิดจากการเสียด สีได้อีกด้วย หรือจะมีน้ำสักแก้วไว้ใกล้ๆ หัวเตียงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับปากของคุณก็ไม่เลว



FWdder

credite : teenee.com

เสน่ห์ 10 ข้อ ของผู้หญิง



…..ผู้หญิงเรา ก็เหมือนไก่ ในคำสุภาษิตที่โบราณว่าไว้ “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” เกิดเป็นผู้หญิงทั้งที จะสวยน้อยหรือสวยมากแค่ไหน ไม่อาจกำหนดเองได้ แต่สิ่งที่เราสามารถกำหนด หรือปรุงแต่งได้ นอกจากความสวยงามแล้ว คือ เสน่ห์ จากการรู้จักเลือกของแต่ละคนนั่นเองค่ะ

….. ชุดชั้นใน ถ้าคุณคิดว่าไม่สำคัญ ผิดถนัดนัก แม้นว่าชุดนี้จะซ่อนอยู่อย่างมิดชิด ควรให้ความสำคัญสักนิด เพราะอยู่ติดกับผิวกายคุณที่สุด วัสดุเนื้อผ้าการรัดตัวของชุด หรือหลวมหย่อนย้วยจนเกินไป ให้รู้สึกสบายตัวที่สุด เพื่อความรู้สึกที่ดีจากข้างในถึงข้างนอก

….. กระเป๋าถือ สิ่งนี้คือของคู่กายของคุณสุภาพสตรี เพราะเป็นแม่บุญหอบกันแทบทั้งนั้น ไหนจะกระเป๋าสตางค์ มือถือ พวงกุญแจ เครื่องสำอางเอย จิปาถะ เลือกกระเป๋าให้เหมาะสมกับเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ ดูให้เข้ากับตามโอกาส พกพาแต่ของสำคัญจำเป็นจริง ๆ 80% เก็บไว้ที่บ้าน 20% พกติดตัว แค่นั้นจึงเหมาะสม

….. หน้าตายิ้มแย้ม ถึงแม้คุณจะแต่งตัวงดงามเพียงใด หน้าตาสดสวยมีเสน่ห์ กลิ่นกายหอมชื่นใจ แต่หน้างอเป็นม้าหมากรุกบอกบุญไม่รับ กลับบ้านไปนอนดีกว่า ใคร ๆ คงไม่อยากอยู่ไกล้ แล้วมันดีตรงไหนกันละคุณ

….. รองเท้า รองเท้าที่ไม่เข้ากับชุดเสื้อผ้าที่สวมอยู่หรือสวมแล้วเป็นทุกข์เพราะเจ็บ เหลือใจ ดูไม่เหมาะถึงจะชอบใส่ขนาดไหน แต่ดูขัดกับบุคคลิก เช่น สูงปรี๊ดหรือลำลองเหมือนดูเล่นอยู่ตามตลาดสด อย่าพยายามให้อภัยที่คิดจะใส่มันเลย เสียบุคคลิกเปล่าๆ แต่ถ้ายังคิดจะใส่อยู่ ต้องมั่นใจ เดินตัวตรงอย่างสง่า นั่นแหละแน่จริง

….. กิริ ยาวาจา ท่าทางการเดิน วาจาบ่งบอกถึงการอบรม ถึงคุณจะสนิทรักใคร่กันมาเก็บวาจาไว้คุณกันที่ลับดีกว่า ท่าทางท่วงทีการเดินให้มีสง่าเข้าไว้ ตัวตรงหลังตึง ไปไหนมาไหนอย่าให้เหมือนพายุหมุนก็พอแล้ว

….. สเปรย์ระงับกลิ่นปาก ที่สุดของสิ่งเสริมเสน่ห์ ดูปิ๊งปั๊งตั้งแต่หัวจดเท้าแต่พอเผยวาจาออกมา เพื่อนแตกฮือ ก็กลิ่นเจ้าหล่อนไม่จ๊ะจ๋าด้วย พกสเปรย์ระงับกลิ่นปากกันไว้ยิ่งเฉพาะสาว ๆ ที่ต้องจ๊ะจ๋าทั้งวันกันไว้ก่อนเถอะคุณ

….. เครื่องแต่งกาย แรกสุดคุณต้องรู้จักรูปร่างของคุณก่อน และพิจารณาสวมใส่ชุดให้เหมาะกับวาระโอกาสและสถานที่ เคารพต่อกิจกรรมที่ต้องเข้าร่วม ใส่ใจกับการตัดเย็บเสื้อผ้าแบบและสีสัน ดูให้เหมาะสมกับบุคลิกของคุณเอง อย่าเดินไล่ตามหลังแฟชั่นเกินไป จนผู้คนรอบข้างตะลึงงัน

….. เครื่องสำอาง ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง หน้าตาผมเผ้า ดูแลกันนิด ประแป้งสักหน่อยเติมสีปากสักนิด จัดผมให้เข้าที่เข้าทาง อย่าถึงกลับปล่อยให้หน้าโทรมมันแผล็บ เหมือนไปวิ่งการกุศลมา แต่ขอร้องไม่ต้องพอกหน้าจนหาผิวเดิมไม่เจอก็แล้วกัน

….. เครื่องประดับ ชุดเสื้อผ้าก็ดูดีแล้ว ทั้งกระเป๋า รองเท้า หน้าตาสวยสดใส หาเครื่องประดับอีกนิดแค่เสริมเติมให้ชุดกับตัวคุณดูมีลูกเล่น ไม่ต้องมากมายแค่ดูไม่เลี่ยนจนเกินไป เพิ่มเสน่ห์หญิงขึ้นมาทันที

….. น้ำหอม เครื่องหอม น้ำปรุง หากลิ่นประจำตัวไว้ก็ไม่เลว ถึงคุณจะไม่ชอบหรือแพ้น้ำหอม แค่โคโลญจน์หรือโลชั่นทาผิวกลิ่นอ่อนๆ เดินผ่านใคร กลิ่นหอมชื่นใจติดเป็นกลิ่นประจำกายคุณได้

FW

credit : teenee.com