วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

เลเซอร์...ทางเลือกใหม่ของการรักษาภูมิแพ้



อาการภูมิแพ้ความทรมานที่คนไม่ป่วยไม่มีทางรู้แต่เป็นความน่ารำคาญจนถึงทรมานสุดๆสำหรับผู้ป่วย ซึ่งสาเหตุของโรคส่วนใหญ่แพทย์ฟันธงว่ามาจากกรรมพันธุ์และเป็นโรคที่พบบ่อยถึง 20% ของประชากรทั่วไป และสามารถแพ้ได้ตั้งแต่อากาศเย็น-ร้อน ความกดอากาศต่ำ- สูง ไรฝุ่น ซากแมลงสาบ ละอองเกสรดอกไม้ อาหาร หรือแม้แต่แพ้ภูมิตัวเองยังมี เรียกว่า ร้อยแปดพันอาการที่จะสรรหามาแพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาพอากาศที่แปรปรวนและมลภาวะที่มากขึ้น เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้สัดส่วนผู้ป่วยภูมิแพ้สูงขึ้น และวิธีการที่ดีที่สุดในการบำบัดอาการแพ้ทั้งหมดทั้งมวลข้างต้น คือการสังเกตและหลีกเลี่ยงสาเหตุของการแพ้

สำหรับการบำบัดรักษาอาการภูมิแพ้นั้นแพทย์มักแนะนำให้ออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันรักษาตัวเอง โดยอาการแพ้ที่แสดงออกเป็นได้ทั้ง จาม คัดจมูก ผื่นคัน คันจมูก น้ำมูกไหล ไอ คันคอ กระทั่งมีอาการหืดหอบร่วมด้วย ซึ่งในรายที่เป็นหืดหอบนั้น ในการรักษาแพทย์จะแนะนำให้ใช้ยาฉีดพ่นสูดทางปากเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยหายใจสะดวกขึ้น โดยมีข้อแนะนำตามมาว่าในการใช้นั้นควรใช้ต่อเนื่องไม่เกิน 2 สัปดาห์ เพราะในยาดังกล่าวจะมีสารประกอบของสเตียรอยด์ที่จะมีผลข้างเคียงของการใช้ตั้งแต่อาการบวม ผิวแตกลาย เป็นสิว ผิวเข้มขึ้น ความดันโลหิตสูงอ่อนเพลีย ติดเชื้อง่าย คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร จนถึงขั้นกระดูกเปราะขึ้น แต่ถ้าผู้ป่วยใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ความเสี่ยงดังกล่าวจะน้อยลง แต่ส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยจะใช้จนเคยชินกระทั่งละเลยคำแนะนำแพทย์ เพราะเมื่อเกิดอาการแล้วยาดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นทันทีนั่นเอง

นอกจากนี้ในผู้ป่วยภูมิแพ้ในโพรงจมูกชนิดเรื้อรัง หรือมีอาการหืดหอบร่วมด้วย มักนิยมรักษาด้วยการฉีดวัคซีนโดยผู้ป่วยจะต้องมาทำการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin test) ในสารในการทดสอบประมาณ30ชนิดเมื่อพบว่าแพ้ชนิดใดแล้วแพทย์อาจจะแนะนำให้หลีกเลี่ยงสารที่แพ้หรือให้ทำการฉีดวัคซีนจากสารตัวนั้นเข้าไปในปริมาณน้อยเพื่อดูปฏิกิริยาการสร้างภูมิของร่างกายแล้วค่อยๆเพิ่มความเข้มข้นหรือขนาดยาขึ้น เมื่อได้เกณฑ์การตอบสนองที่ดีแล้วแพทย์จะนัดมาฉีดวัคซีนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และอาจจะนัดฉีดห่างออกไปหากอาการดีขึ้นเป็นลำดับโดยต้องฉีดติดต่อกันเป็นเวลา3-5 ปี

ซึ่งเมื่อครบคอร์สการรักษาแล้วผู้ป่วยส่วนใหญ่อาจจะไม่แสดงอาการ 5-10 ปี แล้วแต่ราย โดยไม่ต้องใช้ยาระงับอาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายที่มีอาการหอบหืดร่วมด้วย อาการอาจดีขึ้น 70-80%สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตเสี่ยงต่อสารที่แพ้นั้นมากน้อยแค่ไหนและรับความเข้มข้นของสารก่อภูมิแพ้เท่าใด

แม้การฉีดวัคซีนจะเป็นการรักษาที่ต้นเหตุของปัญหา แต่วิธีดังกล่าวจะต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ป่วยอย่างดี เพราะต้องใช้เวลารักษานานและเสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ผู้ป่วยหลายรายรู้สึกท้อเมื่อต้องไปให้คุณหมอฉีดยาทุกๆสัปดาห์เป็นเวลา 3-5 ปี

แต่ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ป่วยภูมิแพ้ในจมูก ด้วยการใช้แสงเลเซอร์ที่มีความจำเพาะ เข้าไปทำลายตัวรับสัญญาณภูมิแพ้ที่อยู่บนเยื่อบุโพรงจมูก เพื่อให้ทำงานน้อยลงโดยจะไม่เกิดปฏิกิริยากระตุ้นสารก่อภูมิแพ้อีก และยังช่วยลดขนาด และจำนวนของเส้นเลือดที่อยู่ใต้เยื่อบุโพรงจมูก ทำให้ผู้ป่วยหายใจได้โล่งขึ้น มีน้ำมูกน้อยลง และภูมิแพ้หายขาดได้ โดยการยิงเลเซอร์เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่ปลอดภัยเพราะผู้ป่วยจะมีเพียงสะเก็ดแผลและเยื่อบุโพรงจมูกบวมประมาณ 1-2 สัปดาห์ โดยสามารถรักษาผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 1 ปีเป็นต้นไปทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความร่วมมือของผู้ปกครองและผู้ป่วยด้วย ซึ่งหลังรับการรักษาจะสามารถควบคุมอาการได้ประมาณ 5-10 ปี และในประเทศไทยได้มีการพัฒนาการรักษาภูมิแพ้ในโพรงจมูกด้วยวิธีการยิงเลเซอร์มากว่า 15 ปีแล้ว

credit : pooyingnaka.com