วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

วิธีขับไล่ความโกรธเกรี้ยว



แม้ว่าอารมณ์โกรธจะเกิดขึ้นกับใครก็ได้ แถมสาวซิตี้เกิร์ลอย่างเราๆ ยังต้องพบเจอกับมันบ่อยๆ จนเกือบจะกลายเป็นเพื่อนสนิทอีกต่างหาก ก็จะไม่ให้เจอได้ยังไงเล่าคะ ทั้งสภาวะรอบตัวก็แสนจะกดดัน ผู้คนก็ใจร้ายขึ้นทุกทีๆ หลายๆ สาวเลยมีริ้วรอยแห่งความโกรธขึ้งปรากฏอยู่บนใบหน้าไม่เคยจาง อย่างนี้หนุ่มๆ เห็นเข้าคงรีบกระโดดหนี ไม่กล้าเข้าใกล้แหงๆ เพราะกลัวแม่เสือ

สาวจะออกอาละวาดน่ะสิ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากให้ลุคนางฟ้าแสนดีที่สั่งสมมานานนั้นต้องสูญเสียไป แล้วกลายเป็นสาวคราบนางมารร้ายละก็ เรามาหาวิธีการดับอารมณ์โกรธให้มอดไปจากใจกันดีกว่าค่ะ

ผลกระทบจากอารมณ์ร้ายในใจคุณ
นอกจากที่ใบหน้าจะไม่รับแขก ไม่สนฝรั่ง หรือเมินไทยที่เด่นชัดบนใบหน้าในเวลาที่คุณโกรธไฟลุกแล้วนั้น อารมณ์โกรธที่สะสมอยู่ภายในจิตใจนานๆ ก็ยังจะก่อให้เกิดผลร้ายต่อสุขภาพร่างกายได้มากมาย เสมือนลูกไฟแห่งความโกรธที่ค่อยๆ สะสมขึ้นทุกทีๆ จนเผาไหม้ทั้งกายและใจคุณให้ร้อนรุ่มได้ ซึ่งผลกระทบที่มีต่อร่างกายอาจก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ดังต่อไปนี้

- โรคหัวใจ เนื่องจากอารมณ์โกรธจะกระตุ้นให้หัวใจคุณบีบตัวเร็วและแรงขึ้น
- โรคซึมเศร้า ขาดชีวิตชีวา
- โรคความดันโลหิตสูง www.pooyingnaka.com

ฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้ร่างกายไม่สามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติ

นอกจากนี้ยังเคยมีผลการศึกษาวิจัยพบว่า หากสาวไหนที่เครียดสะสมตั้งแต่ในวัยทำงาน ก็จะมีแนวโน้มที่จะป่วยเป็นโรคหัวใจในวัยกลางคนได้สูงกว่าคนปกติถึง 50 เปอร์เซ็นต์อีกด้วยละ รู้อย่างนี้แล้วต้องรีบหาทางขจัดอารมณ์โกรธด่วนเลย

ดับไฟโกรธให้มอดสิ้นด้วย 4 วิธีทรงประสิทธิภาพ
วิธีการที่จะช่วยให้คุณสามารถขจัดอารมณ์โกรธได้ดีที่สุดก็คือ การไม่โกรธ อ๊ะๆ อย่าเพิ่งงงไปค่ะว่าทำไมทางแก้มันถึงได้ขวานผ่าซากเสียขนาดนี้ แต่ที่บอกไปนั่นน่ะ เป็นวิธีที่ผู้เชี่ยวชาญ หรือแม้แต่
พระพุทธเจ้าของเราเองก็อบรมสั่งสอน บอกกล่าวกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลนู่นแล้ว นั่นก็คือการระงับความโกรธ ด้วยความไม่โกรธไงล่ะ แต่ถ้าสาวๆ สมัยใหม่ยังไม่สามารถบรรลุสัจธรรมข้อนี้ได้ ก็ลองใช้วิธีการเหล่านี้ไปก่อน เพราะว่าใช้ได้ผลดีใกล้เคียงกันเชียวค่ะ

1. เข้าใจความต้องการของตัวเอง คุณควรแสดงออกซึ่งอารมณ์โกรธไม่พอใจในวิถีทางที่ถูกต้องเหมาะสม มากกว่าการระบายอารมณ์ด้วยความก้าวร้าวรุนแรง โดยคุณอาจจัดการง่ายๆ ด้วยการเข้าอกเข้าใจความต้องการของตัวเองเสียก่อน ว่าสิ่งที่คุณต้องการคืออะไรกันแน่ จากนั้นจึงหาวิธีที่จะได้สิ่งที่ต้องการมาด้วยสันติวิธี ที่ไม่ทำร้ายทั้งความรู้สึกของตัวเองแล้วก็ผู้อื่นด้วย

2. ระงับอารมณ์โกรธ หากอารมณ์คุณค่อยๆ ลุกลาม พลุ่งพล่านขึ้นเรื่อยๆ แล้วละก็ คุณก็ต้องรีบระงับอารมณ์นั้นๆ ไว้ให้เร็วที่สุด ด้วยการหยุดยั้งความคิดที่รบกวนจิตใจคุณทันที และพยายามมองไปในสิ่งที่จะช่วยให้อารมณ์ของคุณรู้สึกสดชื่นแจ่มใสมากขึ้นได้ในขณะนั้น เช่น หากคุณมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน คุณอาจหันเหความสนใจไปคิดถึงเรื่องเดทกับหนุ่มฮอตเย็นนี้แทนก็ได้ เพื่อลบความขุ่นข้องหมองใจที่มีอยู่ให้หมดไปโดยเร็ว แล้วก็แทนที่ด้วยความสดใสซาบซ่าไงล่ะคะ

3. สงบผ่อนคลาย ในเมื่อต้องการจะดับไฟให้มอด ก็ต้องใช้วิธีการรดน้ำลงไป เพราะฉะนั้นวิธีการที่จะดับไฟอารมณ์ที่รุ่มร้อนภายในจิตใจของคุณ ก็ต้องเป็นการดับอารมณ์ด้วยการเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เอาความสงบนิ่งเข้าแทนที่ภายในใจ ซึ่งคุณอาจใช้วิธีการตั้งสมาธิ หรือใช้เทคนิคการผ่อนคลายอารมณ์โกรธช่วยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกโยคะ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงปวดจากความรู้สึกโกรธ การตั้งสมาธิด้วยการกำหนดลมหายใจเข้าออก เพื่อช่วยให้อารมณ์สงบเย็นลง หรือการมองไปที่ทัศนียภาพภายนอกที่สวยงามเขียวขจีในสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยเหล่าแมกไม้ และสายน้ำที่สงบนิ่งก็ได้

4. ออกจากสภาวการณ์ที่ตึงเครียด หากคุณไม่สามารถระงับอารมณ์โกรธขึ้งในขณะนั้นลงได้จริงๆ แทนที่คุณจะฝืนทนกดดันอยู่ภายใต้บรรยากาศและสภาวะที่ตึงเครียดเหล่านั้น จนต้องระเบิดอารมณ์ร้ายแรงออกมาในที่สุด คุณควรหลีกเลี่ยงออกมาจากสถานการณ์ตรงนั้นก่อน เพื่อที่จะช่วยให้อารมณ์ที่ขุ่นเคืองของคุณค่อยๆ บรรเทาลง ก่อนที่จะกลับเข้าไปแก้ไขปัญหาด้วยความสงบ และสันติอีกครั้ง

credit : pooyingnaka.com